คำสั่งคำร้องที่ 1090/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับเป็นฎีกาจำเลย
จำเลยที่ 1 เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นยังคลาดเคลื่อนอยู่เนื่องจากจำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษามาแล้วต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายหรือไม่อันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 124) แต่โจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ระหว่างพิจารณา นายไสว สุขแสงทอง ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุก 2 ปีส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335วรรคแรก ประกอบมาตรา 86ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ข้อหารับของโจรให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ และโจทก์ร่วมสำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา (อันดับ 118)
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 121)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 124)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share