แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 2 ฎีกาในข้อหาฐานกระทำชำเรา ซึ่งศาลอุทธรณ์ยืนตาม ศาลล่าง และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจึงต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3ที่แก้เป็นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 24 ปี 5 เดือน 10 วัน ข้อหาพรากผู้เยาว์ให้ยกนั้น เป็นการแก้ไขมาก คดีของจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้อง ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ด้วย หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม,317 วรรคสาม เป็นความผิด หลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษ ฐานกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรม เด็กหญิงโดยไม่ยินยอม ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร ให้จำคุก 6 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกฐานกระทำชำเราเป็นจำนวน 25 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ จำคุก 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 28 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่ง, 317 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 10 ปี ฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร จำคุก 6 ปี รวมจำคุก 16 ปีข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษ ให้จำเลยที่ 1 ลงกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว ฐานกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรม เด็กหญิงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม ประกอบมาตรา 53 ลงโทษ จำคุก 25 ปี ฐานพรากผู้เยาว์อายุยังไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม จำคุก 3 ปี ลดโทษ ให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก ฐานกระทำชำเรา 12 ปี 6 เดือน ฐานพรากผู้เยาว์จำคุก 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี 12 เดือน สำหรับจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่ง ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้วจำคุก 6 ปี 8 เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ 2หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 4 ปี 5 เดือน 10 วัน ให้ยกฟ้องข้อหาพรากผู้เยาว์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสามนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 126) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 130 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย ไม่ได้แก้บทมาตราด้วย เป็นการแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลย ไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบไม่มีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้น เป็นการ โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ข้างต้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง