คำสั่งคำร้องที่ 1038/2533

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกาไม่ว่าปัญหาข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ซึ่งแก้ไขใหม่ เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 221

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188, 83 ระหว่างพิจารณา นายชัยณรงค์ สุระศันสนีย์ผู้เสียหาย ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาตศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมฎีกาและยื่นคำร้องขอแก้ไขฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาและให้ยกคำร้องดังกล่าว โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย กล่าวคือ ข้อ 2.1 เป็นการฎีกาในเรื่องการแปลความกฎหมาย ข้อ 2.2 ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีโดยฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวน และข้อ 2.3 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 หรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องการปรับข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วเข้ากับข้อกฎหมาย นอกจากนี้การขอแก้ไขฎีกาของโจทก์ร่วมก็เป็นการขอแก้ไขข้อความที่พิมพ์ผิดพลาดเพื่อให้เนื้อหาใจความถูกต้องตามความเป็นจริงเท่านั้น มิได้ทำให้ประเด็นในฎีกาเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด อีกทั้งได้ขอแก้ไขเข้ามาภายในอายุฎีกาโจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิขอแก้ไขได้ตามกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาและคำร้องขอแก้ไขฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาต่อไปด้วย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13 ได้บัญญัติห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกาไม่ว่าปัญหาข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริง เว้นแต่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของมาตรา 221 แห่งกฎหมายดังกล่าวที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share