แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของผู้ร้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาผู้ร้องเห็นว่า ผู้ร้องได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญว่าผู้ร้องมีสิทธิอยู่ในที่ดินที่เช่าดีกว่าจำเลยเนื่องจากได้เช่าจากโจทก์โดยตรงและมี หลักฐานยันโจทก์ได้ ฎีกาของผู้ร้องมิได้โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด เพียงแต่ผู้ร้องได้ชี้แจงเหตุผลจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ผู้ร้องได้นำสืบในชั้นพิจารณามาประกอบ สนับสนุนข้อกฎหมายสำคัญดังกล่าวเท่านั้นโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไปด้วยหมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ขอให้รื้อถอนโรงรถขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินที่เช่า แล้วโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จำเลยยอมรื้อโรงรถขนย้าย ทรัพย์สินออกจากที่เช่าภายในวันที่ 24 มีนาคม 2531 เมื่อครบกำหนด จำเลยและบริวารไม่ยอมขนย้ายออก โจทก์ร้องขอให้ศาลบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดคำบังคับที่โรงรถ ซึ่งอยู่ในที่ดินแปลงที่เช่าโฉนดเลขที่ 1660 ซอยเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตยานนาวากรุงเทพมหานคร บังคับให้ผู้ร้องรื้อถอนโรงรถและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินแปลงนี้โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องไม่ได้เป็นบริวารของจำเลย แต่ผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินจากโจทก์โดยชอบ
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 85)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงมาว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย การที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์มิใช่เป็นบริวารของจำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้องชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ