แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่เอกชนฟ้องหน่วยงานของรัฐว่า เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทำละเมิดโดยการรับรองสำเนา น.ส. ๓ ก. โดยประมาทเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดีนำที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. ไปขายทอดตลาด ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดชดใช้ค่าเสียหาย เห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองสำเนา น.ส. ๓ ก. และมีหนังสือแจ้งตอบเจ้าพนักงานบังคับคดี เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทั่วไปของเจ้าหน้าที่ของจำเลยเท่านั้น ข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ย่อยาว
สำเนา
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๙๕/๒๕๕๖
วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
ศาลจังหวัดไชยา
ระหว่าง
ศาลปกครองนครศรีธรรมราช
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดไชยาโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๔ นางสาวจันทนา กมลภิวงศ์ โจทก์ ยื่นฟ้องกรมที่ดิน จำเลย ต่อศาลจังหวัดไชยา เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๐๒/๒๕๕๔ ความว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างจากนายสุจินต์ สังข์ประคอง แต่นายสุจินต์ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนด จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ต่อมาบริษัทไทยเวทฟีดส์ จำกัด เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายสุจินต์นำสืบทรัพย์ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาไชยา พบชื่อนายสุจินต์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ จึงขอคัดถ่ายและรับรองสำเนาเพื่อบังคับคดี โดยมีนายนิวัต พรศุภมาศ นักวิชาการที่ดิน ๖ ว เป็นผู้คัดถ่ายพร้อมทั้งลงนามรับรองสำเนาถูกต้องและประทับชื่อ ตำแหน่ง อันเป็นการรับรองว่า นายสุจินต์เป็นเจ้าของและเป็นผู้มีชื่อใน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ต่อมานายนิวัตได้แจ้งข้อความแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี ยืนยันและรับรองว่า น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ยังไม่ออกเป็นโฉนดที่ดิน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดและจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้ ทั้งที่ น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวได้ออกเป็นโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ และเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว การกระทำของนายนิวัตเจ้าหน้าที่ของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์
จำเลยให้การว่า โจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ แม้จะมีผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาล แต่เป็นการขายทอดตลาดที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ที่ถูกยกเลิกและออกเป็นโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อจากการขายทอดตลาด และผู้ซื้อทรัพย์ก็ยังมิได้เข้าครอบครองทรัพย์ เจ้าหน้าที่ของจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยชอบและไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า มูลคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องคำสั่งทางปกครองอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดไชยาพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดเนื่องจากการกระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ของนายนิวัต ซึ่งได้รับรองว่าที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ เป็นของนายสุจินต์ ลักษณะพฤติกรรมต่างๆ ที่โจทก์อ้าง เป็นการกล่าวถึงขั้นตอนที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่ดินในการรับรองเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งเป็นอำนาจโดยทั่วไปของเจ้าพนักงานที่ดิน หาใช่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายที่มุ่งจะผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแต่อย่างใด ดังนั้นข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองนครศรีธรรมราชพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยเป็นหน่วยงานทางปกครอง การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคล หนังสือรับรองการทำประโยชน์จึงมีสถานะเป็นคำสั่งทางปกครอง การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยซึ่งปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาไชยา มีหนังสือรับรองว่า น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ยังไม่มีการออกเป็นโฉนดที่ดิน ย่อมเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขาใช้อำนาจตามกฎหมายในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดินรับรองความมีอยู่และความถูกต้องของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่และในความครอบครองของตน เมื่อการรับรองของเจ้าหน้าที่ของจำเลยดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายรับรองความมีอยู่ของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ว่ายังไม่ได้ออกเป็นโฉนดที่ดิน และโจทก์กล่าวหาว่าการรับรองดังกล่าวเป็นเหตุให้มีการยึดที่ดินแปลงที่โจทก์รับซื้อฝากพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาด เป็นการละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษา หรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร คดีนี้จำเลยเป็นหน่วยงานทางปกครอง เมื่อเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์อ้างว่า โจทก์รับซื้อฝากที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ พร้อมสิ่งปลูกสร้างจากนายสุจินต์ แต่นายสุจินต์ไม่ไถ่ถอนจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ต่อมาเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายสุจินต์นำสืบทรัพย์ พบชื่อนายสุจินต์ใน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ จึงขอคัดถ่ายและรับรองสำเนาเพื่อบังคับคดี โดยมีนายนิวัตเจ้าหน้าที่ของจำเลยรับรองว่า น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ มีนายสุจินต์เป็นเจ้าของผู้มีชื่อใน น.ส. ๓ ก. และนายนิวัตยังแจ้งข้อความต่อเจ้าพนักงานบังคับคดียืนยันและรับรองว่า น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ยังไม่ออกเป็นโฉนดที่ดิน เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดและจดทะเบียนโอนให้แก่ผู้ประมูลซื้อทรัพย์ได้ ทั้งที่ น.ส. ๓ ก. ดังกล่าวได้ออกเป็นโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ และเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แล้ว ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ ส่วนจำเลยให้การว่า โจทก์ยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ แม้จะมีผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาล แต่เป็นการขายทอดตลาดที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๖ ที่ถูกยกเลิกและออกเป็นโฉนดเลขที่ ๖๙๖๕ ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อจากการขายทอดตลาด และผู้ซื้อทรัพย์ยังมิได้เข้าครอบครองทรัพย์ การกระทำของเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ เห็นว่า การกระทำของนายนิวัตที่ลงนามรับรองสำเนา น.ส. ๓ ก. และมีหนังสือแจ้งตอบเจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่โจทก์อ้าง เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทั่วไปของเจ้าหน้าที่ของจำเลยเท่านั้น หาใช่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายแต่อย่างใด ข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนางสาวจันทนา กมลภิวงศ์ โจทก์ กรมที่ดิน จำเลยอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) ไพโรจน์ วายุภาพ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายไพโรจน์ วายุภาพ) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท สุขสันต์ สิงหเดช (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(สุขสันต์ สิงหเดช) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ