คำวินิจฉัยที่ 62/2562

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองฟ้องขอให้จำเลยคืนเงินค่าเช่าบ้านที่เบิกไปโดยไม่มีสิทธิแก่โจทก์ จึงเป็นกรณีที่รัฐฟ้องคดีโดยใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการของตนมิใช่เป็นการใช้อำนาจในฐานะที่เป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้อำนาจตามกฎหมายเหนือเอกชนซึ่งไม่เข้าหลักเกณฑ์ของคดีพิพาทเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ไม่เข้าลักษณะคดีพิพาทอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ กรณีจึงเป็นเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองต้องใช้สิทธิฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยต่อศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวงที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น
ส่วนคำฟ้องแย้งจำเลยขอให้บังคับโจทก์ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองมีคำสั่งอนุมัติให้จำเลยเบิกค่าเช่าบ้านตามสัญญากู้นั้น มีผลเท่ากับจำเลยโต้แย้งว่าโจทก์ไม่มีอำนาจเรียกเงินตามคำฟ้องคืน ทั้งข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยคืนเงิน จำเลยได้ขออนุมัติผ่อนชำระเงินคืนกรณีเบิกเงินค่าเช่าซื้อบ้านดังกล่าวแต่ได้รับแจ้งผลว่าเป็นกรณีไม่สามารถผ่อนชำระได้ จำเลยลงชื่อรับทราบและยอมรับจะนำเงินมาคืนโจทก์ภายใน ๗ วัน กรณีโจทก์ฟ้องคดีนี้ก็เพื่อเรียกให้จำเลยชำระเงินที่จำเลยเบิกเกินสิทธิและยอมรับจะนำมาคืนดังกล่าว โดยจำเลยมิได้โต้แย้งใด ๆ ในขณะนั้นว่าจำเลยมีสิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านที่ถูกเรียกคืนนี้ ข้อที่จำเลยกล่าวอ้างดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้อต่อสู้อีกประการหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคดีที่จะต้องพิจารณาว่าจำเลยจะต้องคืนเงินตามฟ้องหรือไม่ เมื่อคดีที่เป็นประเด็นหลักตามคำขอของโจทก์อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ข้อโต้แย้งของจำเลยในคดีนี้ทั้งหมดจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share