แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๕๒/๒๕๕๕
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕
เรื่อง เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
ศาลจังหวัดตาก
ระหว่าง
ศาลปกครองพิษณุโลก
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดตากโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๓ นายทวี อ่อนเฉวียง ที่ ๑ เด็กหญิงอรจิรา เหมราช โดยนายทวี อ่อนเฉวียง ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ ๒ โจทก์ ยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบลวังหิน ที่ ๑ นายภิรมย์ อ๊อดทรัพย์ ที่ ๒ จำเลย ต่อศาลจังหวัดตาก เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๒๕๑/๒๕๕๓ ความว่า เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๓ นายธวัชชัย อ่อนเฉวียง ประสบอุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์หลบรถกระบะไปชนป้ายประชาสัมพันธ์ให้เสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งป้ายดังกล่าวถูกลมพัดหักโค่นตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๓ แต่จำเลยทั้งสองละเลยไม่จัดเก็บให้เรียบร้อยทำให้กีดขวางการจราจร เป็นเหตุให้นายธวัชชัยซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ชนป้ายดังกล่าวและล้มลงเสียชีวิต โจทก์ที่ ๑ ซึ่งเป็นบิดาของนายธวัชชัย และโจทก์ที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตรของนายธวัชชัยจึงฟ้องเรียกค่าจัดการปลงศพ ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ ค่าขาดไร้อุปการะรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗๓๗,๔๕๙ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า คดีนี้เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการที่จำเลย ที่ ๑ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อยู่ในเขตอำนาจของศาลปกครอง โจทก์ที่ ๑ มิได้เป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย และโจทก์ที่ ๒ มิได้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย โจทก์ทั้งสองจึงไม่สิทธิฟ้องเรียกค่าขาดไร้อุปการะ และโจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าปลงศพ จำเลยทั้งสองใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่พฤติการณ์โดยนำกรวยจราจรมาวางรอบบริเวณป้ายประชาสัมพันธ์ที่หักโค่นล้มแล้ว เหตุละเมิดเกิดจากความประมาทของผู้ตายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์แข่งขันกับรถจักรยานยนต์คันอื่นด้วยความเร็วสูงในขณะเมาสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ที่ผู้ตายขับขี่เสียหลักแล่นออกนอกช่องทางเดินรถไปชนเสาป้ายประชาสัมพันธ์ซึ่งอยู่ห่างจากถนนประมาณ ๓ เมตร และมิได้กีดขวางการจราจรตามคำฟ้อง จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนไม่เป็นความจริงและสูงเกินจริง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามคำให้การ
ศาลจังหวัดตากพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่านายธวัชชัย ผู้ตายขับรถไปชนป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลยที่ ๑ ที่หักล้มพาดกีดขวางทางเดินรถจักรยาน ยนต์ซึ่งป้ายดังกล่าวถูกลมพายุพัดหักโค่นล้มตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๓ แต่จำเลยทั้งสองไม่จัดเก็บให้เรียบร้อย ปล่อยปละละเลยโดยปราศจากความระมัดระวัง โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นผู้จัดทำป้ายและเจ้าของป้ายประชาสัมพันธ์ให้เสียภาษีซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง มิใช่ฟ้องในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่จัดให้มีและบำรุงทางบก ทางน้ำ รักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน หรือทางสาธารณะตามพระราชบัญญัติ สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖๗ เพราะหากโจทก์ทั้งสองประสงค์จะฟ้องจำเลย ทั้งสองในฐานะเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาถนนก็คงบรรยายฟ้องถึงอำนาจหน้าที่ของจำเลย และบรรยายให้เห็นว่าป้ายดังกล่าวอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลวังหิน ดังนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นผู้จัดทำป้ายและเจ้าของป้ายจึงมีประเด็นต้องพิจารณาต่อไปว่าจำเลยทั้งสองจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เป็นการจัดทำโดยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองอ้างว่า มาตรา ๗๔ กำหนดให้องค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย โดยให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกเทศมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และให้คณะผู้บริหาร มีอำนาจพิจารณาชี้ขาดคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินใหม่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนั้น อันเป็นกิจการทางปกครองหรือบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนนั้น เห็นว่า อำนาจดังกล่าวเป็นอำนาจเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีต่าง ๆ การจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเสียภาษีบำรุงท้องที่ มิได้อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นผู้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่หักล้ม แล้วจำเลยทั้งสองไม่จัดเก็บให้เรียบร้อย จึงเป็นการฟ้องว่าจำเลยประมาทเลินเล่อ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย มูลคดีที่ต้องวินิจฉัยจึงเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองพิษณุโลกพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร คดีนี้จำเลยที่ ๑ เป็นราชการ ส่วนท้องถิ่น จึงมีฐานะเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ จำเลยที่ ๑ มีอำนาจหน้าที่ในการจัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำและทางบก และการรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้งกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖๗ (๑) และ (๒) อันเป็นกิจการทางปกครองหรือการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานทางปกครองเช่นจำเลยที่ ๑ โดยเฉพาะ ซึ่งอำนาจหน้าที่บำรุงรักษาทางบกตามบทบัญญัติดังกล่าวรวมไปถึงการดูแลรักษาไม่ให้มีสิ่งใดกีดขวางการจราจรบนทางนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างเพียงพอแก่ประชาชนผู้ใช้ทางสัญจร การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการบำรุงรักษาทางละเลยไม่จัดเก็บป้ายประชาสัมพันธ์ให้เสียบำรุงท้องที่ซึ่งถูกลมพัดหักโค่นมากีดขวางทางจราจรทำให้บุตรของโจทก์ที่ ๑ ขับรถจักรยานยนต์ชนป้ายดังกล่าวเสียชีวิต จึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองกล่าวอ้างว่า จำเลยที่ ๑ ละเลยต่อหน้าที่ในการตรวจสอบดูแลและบำรุงรักษาทางจราจรให้มีความปลอดภัยอย่างเพียงพอจนเป็นเหตุให้บุตรของโจทก์ที่ ๑ เสียชีวิต คดีพิพาทระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสองจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
อย่างไรก็ดี ศาลปกครองพิษณุโลกมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในคดีนี้ว่า จำเลยทั้งสองโต้แย้งเขตอำนาจศาลไว้ในคำให้การโดยมิได้จัดทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลเป็นการเฉพาะตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับในกรณีที่ศาลเห็นเองเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นกรณีที่ ศาลเห็นเองว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลอื่น ไม่ใช่เห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลตน เมื่อคดีนี้ศาลจังหวัดตากซึ่งเป็นศาลที่ส่งความเห็น เห็นว่าคดีอยู่ในเขตอำนาจของศาลตน กรณีจึงไม่อาจถือว่าเป็นการทำความเห็นเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลในกรณีที่ศาลเห็นเองตามมาตรา ๑๐ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ เช่นกัน ทั้งนี้ ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล (คำสั่ง) ที่ ๔๗/๒๕๕๓
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) บัญญัติให้ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่นหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร คดีนี้จำเลยที่ ๑ เป็นราชการส่วนท้องถิ่น จึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และมีอำนาจหน้าที่ในการจัดให้มีและบำรุง รักษาทางน้ำและทางบก และการรักษาความสะอาดของถนน ทางน้ำ ทางเดิน และที่สาธารณะ รวมทั้งกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๖๗ (๑) และ (๒) ประกอบพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๖ (๒) และ (๑๘) อันเป็นการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งอำนาจหน้าที่ในการบำรุงรักษาทางบกตามบทบัญญัติดังกล่าว ย่อมรวมไปถึงการดูแลรักษาไม่ให้สิ่งใดกีดขวางการจราจรบนทางนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอย่างเพียงพอแก่ประชาชนผู้ใช้ทางสัญจร เมื่อโจทก์ทั้งสองฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายในการบำรุงรักษาทางปล่อยปละละเลยไม่จัดเก็บป้ายประชาสัมพันธ์ให้เสียภาษีบำรุงท้องที่ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งถูกลมพัดหักโค่นมากีดขวางทางจราจรตั้งแต่วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๓ ทำให้ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๓ บุตรของโจทก์ที่ ๑ ประสบอุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์ชนป้ายดังกล่าว จนถึงแก่ความตาย กรณีตามคำฟ้องจึงเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองกล่าวอ้างว่า จำเลยที่ ๑ ละเลยต่อหน้าที่ในการตรวจสอบดูแลและบำรุงรักษาทางจราจรให้มีความปลอดภัยอย่างเพียงพอจนเป็นเหตุให้บุตรของโจทก์ที่ ๑ เสียชีวิต คดีพิพาทระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยทั้งสองจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับ การกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่างนายทวี อ่อนเฉวียง ที่ ๑ เด็กหญิงอรจิรา เหมราช โดย นายทวี อ่อนเฉวียง ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ ๒ โจทก์ องค์การบริหารส่วนตำบลวังหิน ที่ ๑ นายภิรมย์ อ๊อดทรัพย์ ที่ ๒ จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) ไพโรจน์ วายุภาพ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายไพโรจน์ วายุภาพ) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) หัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท จิระ โกมุทพงศ์ (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(จิระ โกมุทพงศ์) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
สำเนาถูกต้อง
(นางวลัยมาศ คุปต์กาญจนากุล) คมศิลล์ คัด/ทาน
นิติกรชำนาญการ