แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๓๓/๒๕๔๘
วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๘
เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
ศาลปกครองเชียงใหม่
ระหว่าง
ศาลจังหวัดลำพูน
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองเชียงใหม่โดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคสาม ซึ่งเป็นกรณีศาลที่รับฟ้องคดีเห็นว่าคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๗ นายภมร นันทขว้าง ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองเชียงใหม่ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๔๓/๒๕๔๗ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลของนายเมืองดี นันทขว้าง ทรัพย์มรดกมีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๔๘๘๔ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ ผู้ฟ้องคดีได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาเป็นระยะเวลา ๔๐ ปี โดยไม่มีผู้ใดมารบกวนหรืออ้างสิทธิในที่ดินแต่อย่างใด ต่อมามีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้ามาในที่ดินของผู้ฟ้องคดี และได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีได้มี คำสั่ง ที่ ๑๖๒๘/๒๕๔๖ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว
เนื่องจากได้นำ ส.ค. ๑ ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่นที่ได้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไปแล้วมาใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจาก ผู้ฟ้องคดีและทายาทของนายเมืองดี เป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว มีการพิจารณาออกคำสั่ง เกินกำหนดระยะเวลาตามมาตรา ๖๑ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และเป็นการตรวจสอบฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นมาของที่ดินและการครอบครองการทำประโยชน์ จึงได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ปลัดกระทรวงมหาดไทยยกอุทธรณ์ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๔๘๘๔
ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เนื้อที่ ๕ ไร่ – งาน ๘๐ ตารางวา เป็นการออกเฉพาะรายเมื่อปี ๒๕๓๒ นายเมืองดีเป็นผู้ยื่น คำขอโดยนำสำเนา ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ หมู่ที่ ๒ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เนื้อที่ ๒ ไร่ ๒ งาน ๗๒ ตารางวา มาเป็นหลักฐานประกอบ แจ้งว่าต้นฉบับสูญหาย แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่า ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ ดังกล่าว มีชื่อนายถา บัวตูม เป็นผู้แจ้งการครอบครองเมื่อปี ๒๔๙๘ ซึ่งที่ดินดังกล่าวมีการเดินสำรวจออกเป็น น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๑๑ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เนื้อที่ ๔ ไร่ ๑ งาน ๓๐ ตารางวา ให้แก่นายถา เมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โดยข้างเคียงระยะแนวเขตที่ดินของ ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ และ น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๑๑ ดังกล่าวสอดคล้องกัน ดังนั้น น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ออกโดยคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอน และคำสั่งดังกล่าวได้ออกตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว ผู้ฟ้องคดีคัดค้านคำให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินของตระกูลนันทขว้าง มีพื้นที่รวมกันกว่า ๔๕๐ ไร่ ได้ครอบครองมานานกว่า ๔๐ ปี โดยซื้อที่ดิน ส.ค. ๑ รวบรวมมาจากชาวบ้านเป็นจำนวนมากเพื่อรวมเป็นแปลงใหญ่ มีการเสียภาษีบำรุงท้องที่มาโดยตลอด เนื่องจาก ส.ค. ๑ ที่รวบรวมมามีเป็นจำนวนมากจึงไม่ทราบว่าเป็นที่ดิน ณ แปลงใดบ้าง เมื่อจะดำเนินการออกเอกสารสิทธิจึงได้ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้รังวัดที่ดิน และได้ให้คนงานของผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ชี้แนวเขตที่ดินทั้งหมด ต่อมาปี ๒๕๔๓ มีเอ็นจีโอแนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือยุยงให้ชาวบ้านเข้าไปบุกรุกที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีได้ร้องทุกข์และดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว เป็นเหตุให้กลุ่มบุคคลนั้นเดินขบวนเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่ดินของผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีจึงตั้งกรรมการสอบสวนขึ้น ทั้งที่ไม่มีผู้ใดมาโต้แย้งสิทธิในที่ดิน ผู้ฟ้องคดีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวนดังกล่าว คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองเชียงใหม่เห็นว่า การที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๑๖๒๘/๒๕๔๖ ที่ให้เพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ของผู้ฟ้องคดี เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นคดีตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่การที่จะวินิจฉัยว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินตามตามเอกสาร น.ส. ๓ ก. ที่ผู้ฟ้องคดีครอบครองอยู่ เป็นที่ดินเดียวกันกับที่ดินตามหลักฐาน ส.ค. ๑ ที่ใช้ในการออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ หรือไม่ จึงมีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ตามนัยคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๖๑/๒๕๔๗
ศาลจังหวัดลำพูนพิจารณาแล้วเห็นว่า ประเด็นหลักที่ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งและกล่าวอ้างนั้น สืบเนื่องมาจากผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่งที่ ๑๖๒๘/๒๕๔๖ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ ให้เพิกถอนเอกสารที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ของผู้ฟ้องคดี โดยอ้างว่า เป็นเอกสารที่ออกโดยมิชอบ เพราะการออกเอกสารดังกล่าว อาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ ซึ่งไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินพิพาท ผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คัดค้านต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์แล้ว แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยกอุทธรณ์ ผู้ฟ้องคดีไม่เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีและปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีเป็นคำสั่งที่เกิดจากการกระทำที่มิชอบ มิได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง จึงฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าว ดังนี้ ประเด็นการโต้แย้งอยู่ที่คำสั่งเพิกถอนเอกสาร น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทของเจ้าพนักงานที่ถูกฟ้องคดีที่ได้กระทำต่อผู้ฟ้องคดีว่าเป็นไปโดยถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีต่างมีข้อโต้แย้งกัน และเป็นข้อพิพาทขั้นตอนการปฏิบัติของผู้ถูกฟ้องคดี ที่กระทำไปและถูกผู้ฟ้องคดีคัดค้านว่า ขั้นตอนดังกล่าวไม่ชอบไม่ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการเนื่องจากไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีได้รับรู้และตรวจสอบ ทั้งเป็นการกระทำโดยเจ้าพนักงานที่มีส่วนได้เสียแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีต่อสู้ว่า เหตุแห่งการเพิกถอนเอกสาร น.ส. ๓ ก. พิพาทนั้น เนื่องจากการได้มาของเอกสารดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบ เพราะจากการตรวจสอบพบว่า สำเนา ส.ค. ๑ ที่ใช้เป็นหลักฐานประกอบไม่ตรงตามตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินตามหลักฐานทางปกครองและถึงแม้ผู้ฟ้องคดีจะครอบครองที่พิพาทอยู่ ก็ไม่เป็นเหตุที่จะเพิกถอน อันแสดงให้เห็นถึงประเด็นที่โต้เถียงกันว่า กระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีไม่มีประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทว่า ผู้ฟ้องคดีครอบครองอยู่จริงหรือไม่อย่างไร ข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ตรงกับคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๖๑/๒๕๔๗ คดีนี้ไม่จำต้องพิสูจน์ถึงสิทธิการครอบครองและที่ตั้งของทรัพย์พิพาทแต่ประการใด จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องคดีนี้สรุปได้ว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้จัดการมรดกของนายเมืองดี นันทขว้าง ตามคำสั่งศาล ทรัพย์มรดกเป็นที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ออกโดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ โดยชอบ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีคำสั่ง ที่ ๑๖๒๘/๒๕๔๖ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖ เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกล่าว อ้างว่าผู้ที่ออก น.ส. ๓ ก. สำหรับที่ดินแปลงนี้ได้นำ ส.ค. ๑ ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับการออก น.ส. ๓ ก. ในที่ดินแปลงอื่นมาเป็นหลักฐาน ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเพราะเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้ฟ้องคดีและทายาทของนายเมืองดี นันทขว้าง เป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว มีการพิจารณาออกคำสั่งเกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และเป็นการตรวจสอบฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเป็นมาของที่ดินและการครอบครองทำประโยชน์ แต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยยกอุทธรณ์ จึงฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีให้การว่า ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๘๘๔ ที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างเป็นการออกเฉพาะรายเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๒ แต่ออกโดยคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก ส.ค. ๑ เลขที่ ๗๔๓ เป็นของเอกชนผู้มีชื่อซึ่งแจ้งการครอบครองเมื่อปี ๒๔๙๘ และได้ใช้เป็นหลักฐานในการออก น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๑๑ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ คำสั่งให้เพิกถอนชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นตามคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นกรณีที่มุ่งประสงค์ให้ศาลมีคำพิพากษารับรองและคุ้มครองสิทธิในที่ดินของผู้ฟ้องคดี ทั้งคดีนี้คู่กรณียังโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทว่าเป็นของผู้ฟ้องคดีหรือไม่เป็นสำคัญ ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วจึงจะพิจารณาได้ว่าคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของผู้ฟ้องคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดี ระหว่าง นายภมร นันทขว้าง ผู้ฟ้องคดี อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) ศุภชัย ภู่งาม (ลงชื่อ) วิชัย วิวิตเสวี
(นายศุภชัย ภู่งาม) (นายวิชัย วิวิตเสวี)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) อัครวิทย์ สุมาวงศ์
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท วิรัตน์ บรรเลง (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(วิรัตน์ บรรเลง) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) พรชัย รัศมีแพทย์
(นายพรชัย รัศมีแพทย์)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
วัชรินทร์ คัด/ทาน
??
??
??
??
๔