คำวินิจฉัยที่ 197/2560

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นเอกชน อ้างว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๑๓๕๒ เนื้อที่ ๑ งาน ๑๕ ตารางวา ต่อมาจำเลยที่ ๒ เจ้าของที่ดิน น.ส.๓ ก. เลขที่ ๑๓๕๓ ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน และนำชี้แนวเขตที่ดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ เนื้อที่ ๒๐.๙ ตารางวา โจทก์คัดค้านการชี้แนวเขตแล้ว แต่จำเลยที่ ๑ ซึ่งรักษาราชการในตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกระบี่ มีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๒ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน จึงออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๒ คำสั่งของจำเลยที่ ๑ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ที่ดิน ๒๐.๙ ตารางวา เป็นที่ดินของโจทก์ เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๑ และให้ออกโฉนดที่ดิน น.ส.๓ ก เลขที่ ๑๓๕๒ เนื้อที่ ๑ งาน ๑๕ ตารางวา ให้แก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ที่ดินพิพาทจำเลยที่ ๒ เป็นบุคคลผู้มีชื่อในทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทจึงเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จึงเห็นควรออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๒ ไม่มีเหตุให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ให้การและฟ้องแย้งว่า ที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๒๐.๙ ตารางวา เป็นที่ดินของจำเลยที่ ๒ และให้โจทก์รื้อถอนลวดหนามออกไปจากที่ดินของจำเลยที่ ๒ เห็นว่า แม้โจทก์จะมีคำขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๑ ซึ่งโจทก์อ้างว่าออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความ เสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเนื้อที่ ๒๐.๙ ตารางวา เป็นที่ดินที่โจทก์หรือจำเลยที่ ๒ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองเป็นสําคัญแล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share