แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีนี้ โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร จำเลย ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ว่าโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ รับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันภัยมาฟ้องจำเลย ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน ๕๑,๓๒๒ บาท พร้อมดอกเบี้ย จากการที่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่ดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกไว้ในซอยให้แข็งแรง เป็นเหตุให้ต้นไม้ล้มทับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยได้รับความเสียหาย จำเลยให้การว่า ความเสียหายครั้งนี้เกิดจากในวันเกิดเหตุมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรงผิดปกติในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดต้นไม้โค่นล้มหลายจุดในเขตกรุงเทพมหานคร โจทก์บำรุงรักษาต้นไม้เป็นประจำ โดยต้นไม้ที่เกิดเหตุได้มีการบำรุงรักษาเมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๐ ไม่ปรากฏว่าต้นไม้มีสภาพผุกลวงหรือถูกมอดแมลงไชอันจะมีลักษณะเป็นโพรง จำเลยมิได้ปล่อยปละละเลยในการดูแลรักษา ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ แม้จำเลยจะมีหน้าที่ดำเนินกิจการต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร ตามมาตรา ๘๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๘ แต่การที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยไม่ใช้ความระมัดระวัง บำรุง และดูแลรักษาค้ำจุนต้นไม้ให้มีความแข็งแรง จนเป็นเหตุให้ต้นไม้หักโค่นล้มทับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้นั้น เป็นการฟ้องว่าจำเลยในฐานะเจ้าของไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร เพื่อปัดป้องมิให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นความรับผิดเพื่อละเมิดจากความบกพร่องในหน้าที่ทั่วไปของจำเลยในฐานะเจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างตลอดถึงการค้ำจุนต้นไม้ ตามมาตรา ๔๓๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดอันเกิดจากการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุและได้ชำระค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยไปแล้วจึงอยู่ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยที่ต้องฟ้องคดีต่อศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีละเมิดซึ่งเป็นฐานแห่งการรับช่วงสิทธิของผู้ฟ้องคดี คดีนี้จึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม