แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันให้นำเงินที่ได้จากการประกอบกิจการของจำเลยที่ 1 จ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูแก่โจทก์เมื่อโจทก์มีอายุมากและไม่มีรายได้ ตามคำสั่งของบิดาซึ่งเป็นผู้ตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพี่น้องร่วมบิดามารดา ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลภายนอกต่างไม่ได้มีความสัมพันธ์ในทางครอบครัวที่จะต้องนำ ป.พ.พ. บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัวมาใช้บังคับ ทั้งเป็นกรณีมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตาม ป.พ.พ. บรรพ 2 ว่าด้วยสัญญา จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการโรงงานทอผ้า ย้อมผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้า จัดตั้งขึ้นด้วยเงินลงทุนของนาย ด. บิดาของโจทก์กับจำเลยที่ 2 การประกอบกิจการจำเลยที่ 1 ในระยะเริ่มต้นนาย ด. เป็นกรรมการผู้จัดการและบริหารกิจการ ต่อมาเมื่อนาย ด. มีอายุมากและสุขภาพไม่แข็งแรงจึงมอบหมายให้จำเลยที่ 2 เข้ามาบริหารกิจการแทนโดยให้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 จนถึงปัจจุบัน ก่อนนาย ด. ถึงแก่ความตายได้สั่งด้วยวาจาให้จำเลยที่ 2 นำเงินที่ได้มาจากการประกอบกิจการจำเลยที่ 1 จ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูโจทก์เมื่อโจทก์มีอายุมากและไม่มีรายได้ และจ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูนางสาว อ. ซึ่งเป็นน้องสาวที่มีอาการป่วยทางจิตไม่สามารถทำงานและเลี้ยงตัวเองได้ เดิมโจทก์เป็นกรรมการของจำเลยที่ 1 ต่อเมื่อนาย ด. ถึงแก่ความตายและจำเลยที่ 2 เข้าครอบครองกิจการจำเลยที่ 1 แล้วได้ให้โจทก์ออกจากการเป็นกรรมการ โจทก์จึงไปทำงานด้านสื่อสารมวลชนจนเกษียณอายุ เนื่องจากนางสาว อ. ต้องใช้เงินรักษาอาการป่วยในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมากและค่าเลี้ยงดูที่จำเลยที่ 1 จ่ายให้นางสาว อ. ในแต่ละเดือนไม่เพียงพอ โจทก์จึงต้องใช้เงินส่วนตัวจ่ายแทนจนถึงปัจจุบัน ทำให้โจทก์ประสบปัญหาทางการเงินและไม่มีรายได้อื่นใดมาเลี้ยงดูตนเอง จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูแก่โจทก์ตามคำสั่งของบิดา โจทก์แจ้งจำเลยทั้งสองให้จ่ายค่าเลี้ยงดูแก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันจ่ายค่าเลี้ยงดูแก่โจทก์เป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 50,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไป
ในชั้นตรวจคำฟ้อง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดปทุมธานีเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 11
วินิจฉัยว่า การที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันให้นำเงินที่ได้จากการประกอบกิจการของจำเลยที่ 1 จ่ายเป็นค่าเลี้ยงดูแก่โจทก์เมื่อโจทก์มีอายุมากและไม่มีรายได้ตามคำสั่งของบิดาซึ่งเป็นผู้ตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 นั้น เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพี่น้องร่วมบิดามารดา ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลต่างไม่ได้มีความสัมพันธ์ในทางครอบครัวที่จะต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัวมาใช้บังคับ ทั้งเป็นกรณีมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ระหว่างบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 2 ว่าด้วยสัญญา จึงไม่เป็นคดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ 30 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2559
วีระพล ตั้งสุวรรณ
(นายวีระพล ตั้งสุวรรณ)
ประธานศาลฎีกา