คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อใจความที่เบิกความเป็นพะยานถ้าเป็นข้อสำคัญ+คดีแล้ว แม้เบิกความใน+เป็นพะยานบอกเล่าก็มีความผิดฐานเบิกความเท็จ เคยให้การเป็นพะยานไต่สวน เวลาเบิกความ+พะยานปฏิเสธว่าไม่เคย+การไว้ เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ ต้องมีผิดตามมาตรา 156
ประมวลวิธีพิจารณาความ+ ม.95 +ที่เป็นคำพะยานบอกเล่า

ย่อยาว

คดีนี้เดิม ย.แล ช.ต้องหาว่าฆ่า ก.ตายในการไต่สวนคดีกรมการอำเภอได้ให้ ฮ.เป็นล่ามแปลคำให้การผู้ต้องหา ฮ.ยื่นคำร้องต่อข้าหลวงประจำจังหวัดหาว่า ฮ.รับสินจ้างจาก ย.๘๐ บาท แล้วแกล้งแปลคำให้การปลีกตัว ย.ออกเสีย ข้าหลวงประจำจังหวัดจึงให้อัยยการไต่สวนคำร้องของ อ. จำเลยในคดีนี้ได้ให้การในฐานเป็นพยานของ อ.ชั้นอัยยการไต่สวนว่ามิได้รู้เห็นเลยว่า ฮ.รับเงินจากใคร จึงสั่งให้ยกคำร้องของ อ.อัยยการจึงฟ้อง ฮ.ปรากฏตามสำนวนคดีที่ ๘๔๘/๒๔๗๖ ในชั้นพิจารณาคดีจำเลยให้การในฐานเป็นพะยานของ อ.ว่า เมื่อ ก.ถูกฆ่าตาย ๒ วัน ย.ได้มาขอยืมเงินจำเลย แลว่า ม.ได้บอกแก่จำเลยว่า ย.ให้เงินแก่ ฮ.๘๐ บาท ซึ่งความจริงจำเลยมิได้รู้เห็นในการที่ ย.ให้เงินแก่ ฮ.จริงหรือไม่ กับจำเลยปฏิเสธด้วยว่าจำเลยไม่เคยเป็นพะยานชั้นอัยยการไต่สวน ได้ความดังนี้ โจทก์จึงฟ้องจำเลยหาว่าเบิกความเท็จ ขอให้ลงโทษตาม ม.๑๕๕-๑๕๖
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อความที่จำเลยให้การในชั้นศาลว่าจำเลยได้รับคำบอกเล่าจาก ม.นั้นเป็นพยานบอกเล่าซึ่งศาลไม่รับฟังแลข้อที่จำเลยให้การชั้นไต่สวนก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี จำเลยไม่มีผิด พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า คำเบิกความของจำเลย จำเลยได้ประดิษฐขึ้นโดยมีเจตนาจูงใจให้ศาลฟังว่า ย.ได้ให้สินจ้างแก่ ฮ.จริง แลข้อที่จำเลยให้การชั้นไต่สวนแล้วมาปฏิเสธชั้นศาลว่าไม่เคยให้การชั้นไต่สวนก็แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาจะให้ศาลเชื่อถ้อยคำของจำเลยในข้อที่ว่า ย.มายืมเงินจำเลยแลให้สินจ้างแก่ ฮ. ซึ่งถ้าจำเลยรับต่อศาลว่า ชั้นไต่สวนให้การว่าไม่รู้เห็นอะไรครั้นมาชั้นศาลจำเลยกลับรู้เห็น ศาลอาจไม่เชื่อคำเบิกความของจำเลยได้ เห็นว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีทั้ง ๒ ข้อ ตามมาตรา ๑๕๕ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลย ๖ เดือนตามมาตรา ๑๕๖

Share