แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจจับกุมคนที่ต้องหาว่ามีฝิ่นเถื่อนโดยล้วงปากเพื่อจะเอาฝิ่นทำให้ฟันเขาหัก 2 ซี่ +++ว่าทำเกินสมควรกว่า++มีผิดฐานทำร้างร่างกาย++บาดเจ็บโดยเจตนาไม่ใช่ประมาท
ศาลอุทธรณ์++อาญศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม. 338(2) ปรับ 8 บาทศาลอุทธรณ์++ว่าจำเลยมีผิดตาม ม. 254, 52, 53 แต่คงปรับ 8 บาทดังนี้ ฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำการจับกุมโจทก์เรื่องหาว่ามีฝิ่นเถื่อนได้ทำให้เกิดบาดเจ็บแก่ร่างกายโจทก์โดยประมาทมีผิดตามกฎหมายอาญา ม. ๓๓๘(๒) ปรับ ๘ บาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทำการจับกุมโจทก์ตามหน้าที่แต่ทำรุนแรงเกินสมควรเป็นเหตุให้โจทก์มีบาดเจ็บพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา ม. ๒๕๔, ๕๒, ๕๓ คงปรับ ๘ บาท
จำเลยฎีกาว่าทำการตามหน้าที่ ไม่ควรมีผิดตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม. ๘๓ แม้ทำการเกินสมควรก็ควรมีผิดดังศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลฎีกาตัดสินว่าเรื่องนี้ศาลล่างฟ้องข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยทำการเกินไปจนโจทก์ฟันหัก ๒ ซี่ แม้ศาลชั้นต้นจะว่าประมาทศาลอุทธรณ์ว่ารุนแรง ก็อยู่ในเรื่องว่ารุนแรงไม่เหมาะสมกับเรื่องอันเป็นข้อเท็จจริง ฎีกามิได้จึงต้องฟังว่าจำเลยทำเกินไปไม่เหมาะสมแก่พฤตติการณ์ในการจับ ส่วนที่ว่าจำเลยจะผิดตามมาตรา ๓๓๘(๒) หรือ ๒๕๔, ๕๒, ๕๓ นั้น เห็นว่าฟันโจทก์หักเกิดจากที่จำเลยล้วงปากเพื่อจะเอาฝิ่น จะเรียกว่าประมาทไม่ชอบ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์