คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องฎีกาและคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 รับรองฎีกาของจำเลยที่นาย พ. ทนายความเป็นผู้ฎีกาและผู้ยื่นคำร้องแทนจำเลย ทนายความดังกล่าวจะต้องมีอำนาจในการฎีกาด้วย เมื่อจำเลยมิได้แต่งให้นาย พ. เป็นทนายความในชั้นฎีกา จึงเป็นการดำเนินคดีแทนจำเลยโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาและมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยมา ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง รวม ๒ กระทง เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก ๕ ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๕ ปี รวมจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๖ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า คำฟ้องฎีกาและคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค ๖ รับรองฎีกาของจำเลยในคดีนี้ ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๓ นั้น นายพิทูร ทวีการไถ ทนายความเป็นผู้ฎีกาและผู้ยื่นคำร้องแทนจำเลย แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยได้แต่งนายพิทูรเป็นทนายความของตน มีอำนาจดำเนินคดีในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาแทนจำเลยได้ ตามใบแต่งทนายความลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๑ แต่ปรากฏว่าในระหว่างอุทธรณ์จำเลยได้ยื่นคำร้องขอถอนนายพิทูรออกจากการเป็นทนายความของจำเลย และแต่งนายฤทธิชัย ปัญญวานิช เป็นทนายความของจำเลยแทน โดยได้ยื่นใบแต่งทนายความแต่งให้นายฤทธิชัยเป็นทนายความของจำเลยให้มีอำนาจอุทธรณ์ ฎีกาหรือขอพิจารณาคดีใหม่ ปรากฏตามคำร้องและใบแต่งทนายความลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้วันเดียวกัน นายพิทูรจึงพ้นจากการเป็นทนายความของจำเลยนับตั้งแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง นายพิทูรไม่มีอำนาจดำเนินคดีนี้แทนจำเลยอีกต่อไป การที่นายพิทูรยื่นฎีกาและยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ภาค ๖ รับรองฎีกาว่ามีเหตุอันควรฎีกาได้แทนจำเลย โดยจำเลยมิได้แต่งให้นายพิทูรเป็นทนายความของจำเลยในชั้นฎีกาขึ้นใหม่ จึงเป็นการดำเนินคดีแทนจำเลยโดยไม่มีอำนาจ แม้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาคดีนี้ในศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกา และมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยมา ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.

Share