คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีแพ่งหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลซึ่งนอกจากพิจารณาถึงความสุจริตใน การดำเนินคดีของโจทก์แล้ว ศาลจะต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่ายอีกด้วย มิใช่จะพิจารณาแต่เพียงผลได้ผลเสียของโจทก์ผู้ขอถอนฟ้องแต่ฝ่ายเดียว
หลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้ว โจทก์ได้นำคำฟ้องมายื่นใหม่โดยโจทก์ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลง คำฟ้องเดิมหลายแห่งเพื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริง มิได้เปลี่ยนแปลงจำนวนที่ดินอันเป็นสาระสำคัญของคำมั่นว่าจะ ขายที่ดินของจำเลยและตามคำฟ้องเดิมบรรยายว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 เวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์พร้อมด้วย ว. ได้ไปที่สำนักงานที่ดินตามที่ได้นัดหมายไว้กับจำเลย แต่ในคำฟ้องที่โจทก์นำมายื่นใหม่ไม่ได้ระบุ ว. นั้น ชั้นพิจารณา ในคดีเดิมทั้งโจทก์และ ว. ไม่ได้เบิกความถึงว่า ว. ได้ไปสำนักงานที่ดินในวันเวลาดังกล่าว จึงไม่ทำให้เห็นว่า พยาน โจทก์ทั้งสองเบิกความแตกต่างหรือขัดแย้งกันในเรื่องนี้ นอกจากนั้นคำฟ้องที่โจทก์นำมายื่นใหม่มีข้อความเพิ่มเติมจาก คำฟ้องเดิมว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ช. เป็นผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลย ก็เป็นการเพิ่มเติมคำฟ้องเพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น ดังนี้ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผิดคำมั่นจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรับเงินจำนวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ ให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตามหนังสือคำมั่นสัญญาจะขายที่ดินคืนให้ แก่โจทก์ หากการโอนกรรมสิทธิ์ไม่สามารถกระทำได้ให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และ ให้จำเลยส่งมอบ น.ส.๓ และโฉนดที่ดินพิพาทแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ก่อนวันนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นสอบจำเลยแล้ว จำเลยแถลง คัดค้าน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ประสงค์ขอถอนฟ้องและคำคัดค้านของจำเลยไม่อ้างเหตุผลประกอบ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลให้โจทก์เป็นกรณีพิเศษ ๓๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้โจทก์กับจำเลยสืบพยานเสร็จและแถลงหมดพยาน ศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาแล้ว จึงควรพิพากษาต่อไป แต่ศาลชั้นต้นกลับอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง โจทก์จึงนำคดีฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๙๕๖/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้น ทำให้จำเลยเสียเปรียบนั้น เห็นว่า การที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลซึ่งนอกจากพิจารณาถึงความสุจริตในการดำเนินคดีของโจทก์แล้ว ศาลจะต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่ายอีกด้วย มิใช่จะพิจารณาแต่เพียงผลได้ผลเสียของโจทก์ผู้ขอถอนฟ้องแต่ฝ่ายเดียว เมื่อศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้ว โจทก์อาจยื่นฟ้องใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๖ คดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้ว โจทก์ได้นำคำฟ้องมายื่นใหม่เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๒๙๕๖/๒๕๔๑ ของศาลชั้นต้น ตามสำเนาคำฟ้องฉบับดังกล่าวโจทก์ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงคำฟ้องเดิมหลายแห่ง เห็นว่า การแก้ไข ดังกล่าวโจทก์ได้กระทำไปเพื่อให้ถูกต้องตามความเป็นจริง มิได้เปลี่ยนแปลงจำนวนที่ดินอันเป็นสาระสำคัญ ของคำมั่นว่าจะขายที่ดินของจำเลยแต่อย่างใด และตามคำฟ้องเดิมบรรยายว่า เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๘ เวลา ๘.๓๐ นาฬิกา โจทก์พร้อมด้วย นายวัชรินทร์ พึ่งแพง ได้ไปที่สำนักงานที่ดินอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่ได้นัดหมายไว้กับจำเลย แต่ในคำฟ้องที่โจทก์นำมายื่นใหม่ไม่ได้ระบุนายวัชรินทร์ พึ่งแพงนั้น ชั้นพิจารณาในคดีเดิมทั้งโจทก์และนายวัชรินทร์ไม่ได้เบิกความว่า นายวัชรินทร์ได้ไปสำนักงานที่ดินอำเภอหัวหินในวันเวลาดังกล่าว จึงไม่ทำให้เห็นว่าพยานโจทก์ทั้งสองเบิกความแตกต่างหรือขัดแย้งในเรื่องนี้ นอกจากนั้นคำฟ้องที่โจทก์นำมายื่นใหม่มีข้อความเพิ่มเติมจากคำฟ้องเดิมว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้นายชาตรี สีมาโคตร เป็นผู้ฟ้องร้องดำเนินคดีแก่จำเลย ก็เป็นการเพิ่มเติมคำฟ้องเพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น พิเคราะห์ผลได้ผลเสียของคู่ความทั้งสองฝ่ายแล้ว ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องนั้นไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดี และที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายืนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share