คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1695/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เบี้ยปรับกับเงินประกันนั้นนอกจากจะต่างประเภทกันแล้วยังแยกต่างหากจากกันด้วย ดังนั้นเมื่อริบเงินประกันแล้วยังเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกด้วย ถ้าสัญญามีข้อตกลงกันไว้เช่นนั้น สัญญาซื้อขายรวมความได้ว่า ในกรณีที่ผู้ขายประพฤติผิดสัญญาไม่ว่าผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญาหรือไม่ ผู้ซื้อมีสิทธิริบเงินประกันและเรียกเอาเบี้ยปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้ด้วย ผู้ขายจึงต้องชำระเบี้ยปรับแก่ผู้ซื้อนอกเหนือจากริบเงินประกัน
เบี้ยปรับก็คือค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้า อันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นเนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา เพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญาแต่มิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าจะต้องเป็นไปตามนั้น ศาลอาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนเบี้ยปรับตามที่กำหนดไว้ในสัญญาลงได้ โดยพิจารณาถึงทางได้เสียของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชำระเบี้ยปรับในการผิดสัญญาเป็นเงิน ๘๙,๙๕๖.๖๒ บาท แก่โจทก์ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ส่งมอบสายอากาศให้โจทก์ไม่ได้เพราะเหตุสุดวิสัยเนื่องจากบริษัทผู้ขายในต่างประเทศไม่ส่งของดังกล่าวมาให้ โจทก์ริบเงินประกันจำนวน๑๓,๕๐๗ บาทไปแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีก เพราะโจทก์ไม่เสียหาย และค่าปรับที่โจทก์เรียกก็สูงเกินส่วนด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๔๔,๙๗๘.๓๑ บาทแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า สัญญาที่จำเลยทั้งสองทำไว้กับโจทก์ตามฟ้องมีการวางเงินประกันและกำหนดเบี้ยปรับไว้ด้วย เมื่อสัญญาครบกำหนดจำเลยทั้งสองผู้ขายประพฤติผิดสัญญาไม่ส่งสินค้าให้แก่โจทก์ผู้ซื้อ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาริบเงินประกันและเรียกเบี้ยปรับ จำเลยทั้งสองฎีกาว่า เบี้ยปรับคือเงินประกัน เมื่อโจทก์ริบเงินประกันแล้วจึงไม่มีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับอีก ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเบี้ยปรับคือค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าในสัญญาเพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา ส่วนเงินประกันคือเงินที่คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งมอบไว้แก่คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาและต้องคืนเมื่อคู่สัญญาฝ่ายที่วางเงินประกันพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา แต่ถ้าคู่สัญญาฝ่ายที่วางเงินประกันผิดสัญญาก็ให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งริบเสียได้ ดังนี้เบี้ยปรับกับเงินประกันจึงนอกจากจะต่างประเภทกันแล้วยังแยกต่างหากจากกันด้วย ดังนั้นเมื่อริบเงินประกันแล้ว จึงยังเรียกเอาเบี้ยปรับได้อีกด้วย ถ้าสัญญามีข้อตกลงกันไว้เช่นนั้น สัญญาซื้อขายที่จำเลยทั้งสองทำไว้กับโจทก์ข้อ ๗ มีข้อความเป็นสำคัญว่า เมื่อสัญญาครบกำหนดผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันได้โดยไม่ตัดสิทธิผู้ซื้อที่จะดำเนินการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา และสัญญาข้อ ๑๐ มีข้อความเป็นสำคัญว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ ๗ ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ ๐.๒๐ ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญา จนถึงวันที่ผู้ขายนำสิ่งของมาส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อถูกต้องครบถ้วน… ในระหว่างที่มีการปรับนั้นถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันนอกเหนือจากการปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาด้วยก็ได้ จากสัญญาทั้ง ๒ ข้อดังกล่าวรวมความได้ว่า ในกรณีที่ผู้ขายประพฤติผิดสัญญาไม่ว่าผู้ซื้อจะบอกเลิกสัญญาหรือไม่ ผู้ซื้อมีสิทธิริบเงินประกันและเรียกเอาเบี้ยปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญาได้ด้วย
ปัญหาว่าเงินประกันที่โจทก์ริบนั้นเพียงพอกับความเสียหายที่โจทก์ได้รับแล้วหรือไม่ วินิจฉัยว่าตามสัญญาข้อ ๑๐ กำหนดให้โจทก์เรียกเบี้ยปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ๐.๒๐ ของราคาสินค้าที่ยังไม่ได้ส่งมอบ เมื่อราคาสิ่งของที่โจทก์ขอซื้อจากจำเลยทั้งสองเป็นเงิน๑๓๕,๐๗๐ บาท จำเลยทั้งสองไม่อาจส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปนานถึง๓๓๓ วัน จนโจทก์ต้องบอกเลิกสัญญา คำนวณแล้วคิดเป็นเบี้ยปรับ ๘๙,๙๕๖.๖๒ บาท แต่เงินประกันมีจำนวนเพียง ๑๓,๕๐๗ บาท ต่ำกว่าเบี้ยปรับมาก ดังนี้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้จำเลยทั้งสองชำระเบี้ยปรับแก่โจทก์นอกเหนือจากริบเงินประกันจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
ปัญหาว่า แม้โจทก์จะมิได้นำสืบว่าเบี้ยปรับอัตราดังกล่าวมิได้สูงเกินส่วนโจทก์ก็ชอบที่จะได้เบี้ยปรับตามที่กำหนดไว้ในสัญญา วินิจฉัยว่าเบี้ยปรับก็คือค่าเสียหายจำนวนหนึ่งที่คู่สัญญากำหนดไว้ล่วงหน้าอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นเนื่องจากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา เพื่อให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาชดใช้ให้แก่ฝ่ายที่มิได้ผิดสัญญา แต่ก็มิได้บังคับไว้โดยเด็ดขาดว่าจะต้องเป็นไปตามนั้น ศาลอาจใช้ดุลพินิจลดจำนวนเบี้ยปรับตามที่กำหนดไว้ในสัญญาลงได้ โดยพิจารณาถึงทางได้เสียของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ทุกอย่างอันชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าโจทก์มิได้นำสืบมาให้เป็นที่ประจักษ์ว่า ที่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์ตามสัญญา เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายมากน้อยเพียงใด ประกอบกับโจทก์ได้ริบเงินประกันไปแล้วจำนวนหนึ่งด้วยดังนี้ศาลอุทธรณ์ลดเบี้ยปรับจากอัตราร้อยละ ๐.๒๐ ลงเหลือร้อยละ ๐.๑๐ ต่อวันของราคาของที่จำเลยทั้งสองมิได้ส่งมอบ จึงสมควรและเหมาะสมกับรูปคดีแล้ว
พิพากษายืน.

Share