แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างพ้นจากการเป็นพนักงาน แม้จะเป็นเพราะโจทก์ไม่ผ่านการทดลองงาน ก็ถือว่าเป็นการเลิกจ้าง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 118 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 7,367 บาท และค่าชดเชยเป็นเงิน 6,500 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันโดยต่างไม่ติดใจสืบพยานว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2542 จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้าง ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์และธุรการ โดยจำเลยกำหนดให้โจทก์ทดลองงานเป็นเวลา 4 เดือน นับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2542 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2542 และแจ้งรายละเอียดและระเบียบการทำงานให้โจทก์ทราบ เมื่อครบกำหนดทดลองงานแล้ว จำเลยได้มีหนังสือแจ้งผลการทดลองงานให้โจทก์ทราบว่าโจทก์มีข้อบกพร่องในการทำงานหลายอย่าง ให้โจทก์ทดลองงานต่อไปอีก 2 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 ครั้นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2542 จำเลยได้มีหนังสือแจ้งว่าโจทก์ไม่ผ่านการทดลองงานและเลิกจ้างโจทก์ โจทก์ยอมรับว่าโจทก์มาสาย ลากิจ และขาดงานจริง กับจำเลยแถลงว่าจำเลยไม่มีข้อบังคับการทำงาน แต่ถือว่ารายละเอียดและระเบียบการทำงานเป็นระเบียบที่โจทก์จะต้องปฏิบัติตามและจำเลยถือว่าหนังสือแจ้งผลการทดลองงานเป็นหนังสือบอกกล่าวเตือนล่วงหน้า และหนังสือแจ้งว่าโจทก์ไม่ผ่านการทดลองงานเป็นหนังสือเลิกจ้าง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยกำหนดระยะเวลาทดลองการปฏิบัติงานกันไว้เพื่อจำเลยจะได้ตรวจสอบว่าโจทก์มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และโจทก์จะได้พิสูจน์ความสามารถว่าโจทก์เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ให้จำเลยเพียงใด เมื่อปรากฏว่าโจทก์ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับจำเลย และจำเลยไม่ประสงค์จะให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ และหนังสือแจ้งผลการทดลองงานเป็นเพียงหนังสือที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์มีข้อบกพร่องในการทดลองงานอย่างไร ไม่ใช่หนังสือตักเตือนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) และไม่ปรากฏกรณีอื่นที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 119 จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 6,500 บาท แก่โจทก์คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) ไม่ได้กำหนดแบบของหนังสือตักเตือนไว้ว่าจะต้องมีรูปแบบและข้อความเป็นอย่างไร แต่หนังสือตักเตือนก็จะต้องเป็นกรณีที่นายจ้างตักเตือนลูกจ้างที่ได้กระทำผิดฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างมิให้กระทำผิดเช่นว่านั้นซ้ำอีก หากกระทำจะต้องถูกลงโทษแต่ตามหนังสือแจ้งผลการทดลองงานที่จำเลยอ้างว่าเป็นหนังสือตักเตือนนั้น ปรากฏตามหัวข้อหนังสือดังกล่าวว่าเป็นเรื่องการทดลองงาน ข้อความตามหนังสือก็กล่าวถึงผลการทดลองงานของโจทก์ว่าโจทก์มีความบกพร่องในการทำงาน เช่น ลากิจ ลาป่วย และมาสายบ่อยครั้งในระหว่างทดลองงานซึ่งเป็นลักษณะตำหนิการทำงานของโจทก์ว่าขาดความรับผิดชอบ แล้วจำเลยให้โอกาสโจทก์ทดลองงานต่ออีก 2 เดือน เพื่อดูว่าโจทก์จะพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นหรือไม่ มิได้มีข้อความกล่าวถึงว่าการกระทำของโจทก์เข้าลักษณะเป็นการกระทำผิดใด ซึ่งหากกระทำผิดเช่นนั้นซ้ำอีกจะถูกลงโทษอย่างไร หนังสือเรื่องการทดลองงานจึงมิใช่หนังสือตักเตือนตามความหมายของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (4) ดังนั้น ที่จำเลยอ้างว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กระทำผิดซ้ำคำเตือน ซึ่งจำเลยได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว จึงไม่อาจรับฟังได้ อุทธรณ์ในส่วนนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า การที่จำเลยให้โจทก์พ้นจากการเป็นพนักงานเพราะโจทก์ไม่ผ่านการทดลองงานไม่เป็นการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 นั้น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสอง บัญญัติว่า การเลิกจ้างตามมาตรานี้หมายความว่า การกระทำใดที่นายจ้างไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้างให้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุสิ้นสุดสัญญาจ้างหรือเหตุอื่นใด และหมายความรวมถึงกรณีที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างเพราะเหตุที่นายจ้างไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไป ฉะนั้น การที่จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างพ้นจากการเป็นพนักงานแม้จะเป็นเพราะโจทก์ไม่ผ่านการทดลองงาน ก็เป็นการเลิกจ้างตามความหมายของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 118 วรรคสอง แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน.