คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1384/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่ถือว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต ซึ่งศาลจะสั่งให้จับกุมและกักขังไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยใช้รถขุดไถเข้าถากถางขุดดินในที่ดินของโจทก์แล้วขนดินไปทำถนนในงานสร้างทางของจำเลยโดยมิได้รับอนุญาต เรียกค่าเสียหายจากจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นหมายเรียกกรมทางหลวงแผ่นดินเข้าเป็นจำเลยร่วม
กรมทาง ฯ ให้การว่า ที่ดินพิพาททางการประกาศสงวนไว้เพื่อประโยชน์งานทาง
โจทก์จำเลยทั้งสองได้ตกลงทำสัญญประนีประนอมยอมความกันต่อศาลมีใจความสำคัญว่า จำเลยที่ ๑ ยอมเกลี่ยพื้นดินพิพาทจำนวน ๖ ไร่ที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขุดให้เรียบร้อยโดยไม่ให้เป็นหลุมเป็นบ่อภายในกำหนด ๓๐ วัน โดยจำเลยที่ ๑ ยอมเสียค่าใช้จ่ายเอง โจทก์ยอมรับรองว่าแผนที่ที่ดินสงวนของกรมทาง ฯ แปลงที่ ๓๙ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ยื่นต่อศาลนั้น เป็นแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมทาง ฯ โดยถูกต้อง และจำเลยที่ ๒ ไม่ติดใจว่ากล่าวกับโจทก์ ฯลฯ ศาลได้พิพากษาและบังคับคดีตามยอม
ต่อมาวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๐๘ โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๑ มีเจตนาจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในข้อที่ให้จำเลยที่ ๑ เกลี่ยดินในทีดินของโจทก์ภายใน ๓๐ วันและพ้นกำหนดเวลาแล้ว ขอให้ศาลหมายจับจำเลยที่ ๑ มาขังไว้เพื่อปฏิบัติตามคำบังคับของศาลต่อไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ เพราะโจทก์กับกรมทางหลวงแผ่นดินโต้แย้งเขตที่ดิน ให้ยกคำร้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า มีปัญหาว่า นายประเทืองกรรรมการผู้จัดการจำเลยจะได้จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่ ในข้อนี้ แม้นายประเทืองจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจะเกลี่ยพื้นที่ดินจำนวน ๖ ไร่ที่โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยบุกรุกเข้าขุดก็ดี ก็ได้ความว่าทีดินของโจทก์ทางด้านเหนือติดกับบ่อลูกรังของกรมทางฯ โจทก์แถลงว่าที่ดินซึ่งร้องว่านายประเทืองยังมิได้เกลี่ยนั้น มีเฉพาะตรงด้านที่ติดกับบ่อลูกรังของกรมทาง ฯ ยังไม่มีเขตแน่นอน จนโจทก์กับกรมทาง ฯ ตกลงกันต่อศาล ขอให้นายอำเภอไปปักหลักเชตเสียก่อน โจทก์ว่าการปักหลักของอำเภอ โจทก์จะไม่โต้แย้ง เมื่อทางอำเภอไปปักหลักเขตมาแล้ว ที่โจทก์ว่าอำเภอไปปักหลักไม่ถูกต้องกับเขตที่ของโจทก์และของกรมทางฯ กรมทางฯ ก็แถลงว่า ถ้าอาณาเขตไม่เป็นไปตามแผนที่แล้ว กรมทาง ฯ จะไม่ยอมให้เข้าทำเพราะอยู่ในเขตที่ของกรมทาง ฯ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์โต้แย้งมานี้ เป็นเรื่องที่โจทก์โต้เถียงเขตที่ดินของโจทก์กับของกรมทาง ฯ เป็นอีกเรื่องหนึ่งจากที่โจทก์ร้องขอไว้ในชั้นนี้ เมื่อได้ความจากนายประเทืองว่าได้เกลี่ยที่ดินไปจนสุดเขตที่ของโจทก์แล้ว แม้จะไม่ครบ ๖ ไร่ ก็เป็นเรืองที่แสดงว่านายประเทืองไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาได้โดยสุจริต
พิพากษายืน.

Share