คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลย 5 คนกลุ้มรุมทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 5 ได้รับบาดเจ็บรวม 5 รายการ คือรายที่ 1 ถึง 3 เป็นรอยบวมช้ำโตกลมประมาณแห่งละ 4,5 และ 3 เซนติเมตรตามลำดับ รายการที่ 4 เป็นรอยข่วน 3 แห่งยาวประมาณแห่งละ 3 เซนติเมตร และรายการที่ 5 ฟันล่างด้านหน้าโยก 1 ซี่ อันเป็นผลเนื่องจากการร่วมกันกลุ้มรุมทำร้ายของจำเลยที่ 1 ถึง 4 เช่นนี้ แม้ไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็เป็นบาดแผลบวมช้ำหลายแห่งและถึงกับฟันโยก อันส่อถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรง กรณีถือว่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าในข้อหาทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๓ , ๘๓
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ , ๘๓ ให้ปรับจำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๓๐๐ บาท และนอกนั้นคนละ ๑๕๐ บาท
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะในข้ออาการบาดเจ็บของจำเลย ที่ ๕ ว่าไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จึงควรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๑
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยที่ ๕ มีบาดแผลเนื่องจากการถูกจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ทำร้ายรวม ๕ รายการ รายการที่ ๑ ถึงที่ ๓ เป็นรอยบวมช้ำเขียวโตกลมประมาณ ๔,๕ และ ๓ เซนติเมตรตามลำดับ รายการที่ ๔ เป็นรอยข่วน ๓ แห่ง ยาวประมาณแห่งละ ๓ เซนติเมตร รายการที่ ๕ ฟันล่างด้านหน้าโยก ๑ ซี่ ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าถูกของแข็ง รักษาประมาณ ๑๐ วัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ลักษณะของบาดแผลดังกล่าวนี้ เป็นผลเนื่องจากการกระทำอันรุนแรงของจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๔ ซึ่งช่วยกันกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยที่ ๕ จึงได้มีบาดแผลบวมช้ำถึงหลายแห่ง และถึงกับทำให้ฟันโยกด้วย แม้จะไม่ปรากฏว่ามีโลหิตไหล แต่ก็ต้องรักษาตัวถึง ๑๐ วันจึงหาย พฤติการณ์แห่งการกระทำอันรุนแรงของจำเลย ประกอบกับลักษณะบาดแผลดังกล่าว ถือได้ว่ากระทำให้เกิดอันตราแก่กายและจิตใจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ฎีกาจำเลยข้ออื่นฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share