แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็นอันยุติแล้ว
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จในคดีอาญาซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗, ๑๘๑ (๒)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่าคดีโจทก์พอมีมูลตามข้อหา ให้ประทับฟ้อง หมายเรียกจำเลยมาแก้คดี
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ เวลา ๙.๐๐ น.
ครั้นถึงนัดเวลา ๑๐.๐๐ น.โจทก์ไม่มาศาล คงมีแต่ทนายโจทก์ จำเลยและทนายจำเลยมาศาล ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ว่า ทนายโจทก์แถลงว่า ตัวโจทก์ไม่มาศาลไม่ทราบเพราะเหตุใด เข้าใจว่าคงป่วยมีพยานโจทก์มาศาล ๔ ปาก โจทก์ไม่มา จึงจำเป็นต้องขอเลื่อนคดีไป จำเลยแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
ศาลชั้นต้นสั่งว่า เมื่อโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด และไม่แสดงให้ศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ ส่วนพยานโจทก์ที่มาเป็นเพียงพยานประกอบตัวโจทก์เท่านั้นจึงไม่ให้เลื่อน ให้ยกฟ้องของโจทก์เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖
ครั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ โจทก์ยื่นคำร้องว่าเหตุที่มาศาลไม่ได้ตามกำหนดเพราะป่วยเนื่องจากท้องเดิน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า โจทก์และพันเอกสอาด นายแพทย์ พยานโจทก์เบิกความแตกต่างขัดกัน พฤติการณ์ของโจทก์แสดงว่าโจทก์ไม่มั้นใจในการดำเนินคดี การที่มาศาลไม่ได้จึงปราศจากเหตุอันควร ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัด และไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนการพิจารณาเพื่อสืบพยานแล้ว พิพากษายกฟ้องนั้น โจทก์หาได้อุทธรณ์อย่างใดไม่ โจทก์กลับยื่นคำร้องลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๙ ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ใหม่ ครั้นศาลชั้นต้นไต่สวนไม่อนุญาตให้พิจารณาใหม่ โจทก์จึงอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านขึ้นว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดนั้นไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ พยาน ทนายโจทก์มาศาล ดังนี้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่จึงเป็นอันยุติแล้ว เพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๘ ฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ในข้อนี้ จึงต้องตกไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๐ และ ๒๒๕
พิพากษายืน.