คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1157/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว หนี้ตามที่ลูกหนี้ขอประนอมและจำเลยเข้าทำสัญญาค้ำประกันก็เป็นอันระงับไปจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 698
การใดที่ได้ทำไปแล้วตามข้อประนอมหนี้ ก่อนศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ การนั้นย่อมมีผลสมบูรณ์ แต่กิจการใดถ้ากระทำภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ก็ดี หรือที่จะกระทำต่อไปภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ก็ดี กิจการนั้นไม่มีผลผูกพันจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดชอบดังกล่าวข้างต้นแล้ว มูลหนี้ที่โจทก์อ้างเพื่อขอให้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายก็เป็นอันระงับไปตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขอประนอมหนี้ของลูกหนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย หากจำเลยถูกฟ้องล้มละลายเกี่ยวกับหนี้ที่ค้ำประกันนี้ และร้องขอประนอมหนี้จนกระทั้งศาลมีคำสั่งเห็นชอบตามคำขอประนอมหนี้ คำสั่งนั้นก็ไม่ผูกพันจำเลยแต่อย่างใด
การพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดเป็นเพียงวิธีการเพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) และดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลายก่อนที่ศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น มิได้ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดแต่อย่างใด เมื่อหนี้ที่โจทก์อ้างเป็นมูลฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายระงับไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียได้

ย่อยาว

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟ้องว่านายเจริญลูกหนี้ในคดีล้มละลายขอประนอมหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันหนี้จำนวน ๕๐๕,๑๖๘ บาท แต่ลูกหนี้และจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้ พฤติการณ์เป็นที่ประจักษ์ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย และมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
จำเลยให้การว่า จำเลยยังมิใช่เป็นคนมีหนี้สิ้นล้นพ้นตั้ว จำเลยยังสามารถชำระหนี้ได้ เมื่อคิดบัญชีกันโดยยุติธรรม ทั้งตัวนายเจริญก็ยังพอที่จะช่วยกันกับจำเลยชำระหนี้รายนี้ให้เสร็จไปได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยเข้าผูกพันตนในคดีที่นายเจริญเป็นลูกหนี้และเป็นผู้ล้มละลาย ก็โดยจำเลยเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของนายเจริญตามสัญญาประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย บัดนี้ ปรากฏว่าคดีที่นายเจริญถูกฟ้องให้ล้มละลายนั้น ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการประนอมหนี้ และพิพากษาให้นายเจริญลูกหนี้ล้มละลาย ฉะนั้น สัญญาค้ำประกันตามสัญญาประนอมหนี้ที่จำเลยทำไว้ก็เป็นอันยกเลิกเพิกถอนไปในตัว จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันนั้นต่อไป จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและจำหน่ายคดีนี้เสีย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า การที่ศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการประนอมหนี้ของนายเจริญและพิพากษาให้นายเจริญลูกหนี้ล้มละลายไปแล้วนั้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่งตอนท้าย ได้บัญญัติยกเว้นจากหลักทั่วไปไว้ว่า คำสั่งและคำพิพากษาดังกล่าวข้างต้นนั้น ย่อมไม่กระทบถึงการใดที่ได้กระทำไปแล้วตามข้อประนอมหนี้นั้น ฉะนั้น การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการบังคับคดีกับจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันด้วยประการต่าง ๆ ตลอดมาย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า การที่ได้กระทำไปแล้วตามข้อประนอมหนี้ทั้งสิ้น ดังนั้นคำสั่งศาลที่ให้ยกเลิกการประนอมหนี้ของนายเจริญลูกหนี้และพิพากษาให้นายเจริญลูกหนี้ล้มละลาย จึงไม่กระทบถึงการบังคับคดีของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ได้ดำเนินกับจำเลยตลอดมา จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันไม่อาจพ้นความรับผิดไปได้
ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลยและมีคำสั่งเห็นชอบกับการประนอมหนี้ของจำเลยตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานมา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจขอต่อศาลให้บังคับจำเลยผู้ค้ำประกันให้ปฏิบัติตามข้อความที่ได้ประนอมหนี้ไว้ได้ตามมาตรา ๕๗ และการที่จำเลยยอมผูกพันตนเข้ามาค้ำประกันนายเจริญลูกหนี้ ถึงแม้ศาลจะสั่งยกเลิกการประนอมหนี้ จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันย่อมไม่หลุดพ้นไปด้วย จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๙๘ มาใช้บังคับไม่ได้ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ และพิพากษาให้นายเจริญลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว หนี้ตามที่นายเจริญขอประนอม และจำเลยเข้าทำสัญญาค้ำประกันนั้นก็เป็นอันระงับไป ฉะนั้น จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ตามที่นายเจริญขอประนอม ย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๙๘
ปัญหาที่ว่า กรณีนี้จะต้องด้วยข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง หรือไม่นั้น เห็นว่าการใดที่ได้ทำไปแล้วตามข้อประนอมหนี้ก่อนศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ การนั้นย่อมมีผลสมบูรณ์ แต่กิจการใดถ้าได้กระทำภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ก็ดี หรือที่จะกระทำต่อไปภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ก็ดี กิจการนั้นไม่มีผลผูกพันจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันกรณีนี้ไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดชอบดังกล่าวข้างต้นแล้ว มูลหนี้ที่โจทก์อ้างเพื่อขอให้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายก็เป็นอันระงับไปตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขอประนอมหนี้ของนายเจริญ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องขอให้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายต่อไป
ปัญหาที่ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลย จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นย่อมถึงที่สุด จำเลยนะรื้อฟื้นขอให้เพิกถอนคำสั่งนั้นหาได้ไม่ นั้น เห็นว่าการพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด เป็นเพียงวิธีการเพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจจัดการทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) และดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลายก่อนที่ศาลจะพิพากษาให้ลูกหนี้ (จำเลย) เป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น มิได้ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดแต่อย่างใด เมื่อหนี้ที่โจทก์อ้างเป็นมูลฟ้องขอให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายระงับไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียได้
ปัญหาที่ว่า คดีนี้จำเลยได้ขอประนอมหนี้จนศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบแล้วจำเลยย่อมผูกพันตามคำขอประนอมหนี้นั้น เห็นว่า การที่จำเลยในคดีนี้ร้องขอประนอมหนี้และศาลมีคำสั่งเห็นชอบนั้น เป็นการกระทำภายหลังศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการประนอมหนี้ของนายเจริญแล้ว กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง ฉะนั้น ถึงแม้ศาลจะมีคำสั่งเห็นชอบตามคำขอประนอมหนี้ ก็ไม่ผูกพันจำเลยแต่อย่างใด
พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์.

Share