คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1109/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ ระหว่างผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ให้ยกคำร้องขอให้ถอนการอายัด ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้อง ให้บังคับคดีภายใน 1 เดือน จำเลยทราบคำบังคับเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2510 ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีที่โจทก์ขอให้ศาลอายัดทรัพย์ คือ ยึดที่ดินก่อนพิพาท และส่งคำบังคับให้จำเลยทราบแล้ว โจทก์หาได้ขอหมายบังคับคดีแต่อย่างใดไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้อายัดที่ดินย่อมเป็นอันยกเลิกไป ข้อพิจารณาในชั้นฎีกาจึงหมดไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอต่อศาลจังหวัดขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คกับดอกเบี้ย ๒๑๔,๗๐๘.๑๘ บาท จำเลยให้การปฏิเสธ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๐๙ ก่อนศาลพิพากษาคดีนี้ โจทก์ขอให้ศาลอายัดที่ดินโฉนดที่ ๑๔๘๕ มีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั้งเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๙ ให้อายัด วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๐๙ ผู้ร้องร้องต่อศาลชั้นต้นว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๔๘๕ นี้ จำเลยหลอกลวงให้ผู้ร้องโอนให้จำเลยไปตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๐๘ มิได้ชำระราคาตามกำหนด ผู้ร้องขออายัดที่ดิน และฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดต่อมาได้ประนีประนอมยอมความกัน ให้จำเลยชำระเงินแก่ผู้ร้องภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๐๙ ถ้าไม่ชำระ จำเลยยอมโอนโฉนดคืนแก่ผู้ร้อง จำเลยไม่ชำระเงินตามยอม ผู้ร้องจึงขอให้ถอนการอายัด ให้จำเลยโอนที่ดินให้ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๐๙ ก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีที่ผู้ร้องอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีที่โจทย์ฟ้องให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยไม่มีอุทธรณ์ฎีกา
หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาคดีของโจทก์จำเลยแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาคดีที่ผู้ร้องอุทธรณ์โดยพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปรากฏว่าโจทก์ขออายัดและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินโฉนดที่ ๑๔๘๕ ในคดีนี้ และมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องตั้งแต่ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ ระหว่างผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ถอนการอายัด ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ตามฟ้องให้บังคับคดีภายใน ๑ เดือน โจทก์ขอให้ศาลส่งคำบังคับให้จำเลย จำเลยได้ทรายคำบังคับเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๐ ต่อมาศาลอุทธรณ์จึงพิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น ปรากฏว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีที่โจทก์ขอให้ศาลอายัดทรัพย์ คือ ยึดที่ดินก่อนพิพากษาและส่งคำบังคับให้จำเลยดังกล่าวแล้ว จนบัดนี้โจทก์ก็หาได้ขอหมายบังคับคดีแต่ประการใดไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๐ เมื่อโจทก์ไม่ขอหมายบังคับภายในกำหนด ๑๕ วันนับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับ ซึ่งในคดีนี้คือ ๑๕ วัน จากวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๑๐ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้อายัดที่ดินย่อมเป็นอันยกเลิกไป ข้อพิจารณาในชั้นฎีกาจึงหมดไป ไม่มีข้อที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยของผู้ร้องต่อไป
จึงพิพากษาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้อายัดที่ดินโฉนดที่ ๑๔๘๕ รายนี้ได้ยกเลิกไปแล้ว ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share