แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในประเด็นที่ว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น จำเลยแถลงขอให้ถือเอาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 835/2507 ระหว่างโจทก์คดีนี้เป็นโจทก์ และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลย โดยคดีนั้นโจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทฝ่ายเดียว เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ซึ่งคดีนั้นศาลชั้นต้นได้พิจารณารวมกับคดีอาญาเลขดำที่ 949/2507 ระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ จำเลยคดีนี้เป็นจำเลย โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยและบุตรโจทก์ต่างประมาทเป็นเหตุให้รถชนกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษารวมกันโดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1336 – 1337/2507 ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงใจคดีนี้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย จึงถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ 835/2507 คดีหมายเลขแดงที่ 1336/2507 และตรงตามคำแถลงของจำเลยที่ให้ถือเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นหลักในการวินิจฉัยประเด็นนี้ในคดีนี้ และชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของรถยนต์รับจ้าง จำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้าง จำเลยที่ ๒ ขับรถโดยประมาทชนรถจักรยานยนต์ซึ่งนายประทับบุตรโจทก์ขับขี่ นายประทับถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ๙๐,๖๐๐ บาทแก่โจทก์ ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การว่าเป็นความผิดของนายประทับเอง ฯลฯ
ระหว่างพิจารณา จำเลยทั้งสองยอมรับให้ถือเอาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาในคดีอาญาดำที่ ๘๓๕/๒๕๐๗ ระหว่างโจทก์ (คดีนี้) กับนายสุบิน (จำเลยที่ ๒ คดีนี้) โดยโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ประมาทแต่ฝ่ายเดียว ขับรถยนต์ขนนายประทับ ต่อมาพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ อีกคดีหนึ่ง หาว่าจำเลยที่ ๒ และบุตรโจทก์มีความผิดฐานเดียวกันว่า จำเลยที่ ๒ และบุตรโจทก์ต่างประมาทตามคดีอาญาดำที่ ๙๔๙/๒๕๐๗ และศาลจังหวัดได้รวมพิจารณากับคดีอาญาดำที่ ๘๓๕/๒๕๐๗ ปรากฏตามคำพิพากษาคดีอาญาแดงที่ ๑๓๓๖ – ๑๓๓๗/๒๕๐๗ ซึ่งในคดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงที่ปรากกในคำพิพากษาคดีอาญาได้ว่า จำเลยที่ ๒ ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้นายประทับถึงแก่ความตายจริง และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ๑๕,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในการวินิจฉัยคดีนี้ในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้นายประทับ ณ อุบล บุตรโจทก์ถึงแก่ความตายหรือไม่นั้น จำเลยแถลงให้ถือเอาข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายดำที่ ๘๓๕/๒๕๐๗ โดยโจทก์ฟ้องว่านายสุบิน โลปัตถา จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทฝ่ายเดียว เป็นเหตุให้นายประทับบุตรโจทก์ถึงแก่ความตาย ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิจารณารวมกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๙๔๙/๒๕๐๗ โดยอัยการโจทก์ฟ้องว่านายสุบินจำเลยและนายประทับผู้ตายต่างประมาทเป็นเหตุให้รถชนกัน และศาลชั้นต้นได้พิพากษารวมกัน โดยฟังข้อเท็จจริงว่า นายสุบิน โลปัตถา จำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้นายประทับถึงแก่ความตาย ลงโทษจำคุกจำเลยศาลอุทธณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นทุกประการ ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๓๓๖ – ๑๓๓๗/๒๕๐๗ ฉะนั้น การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้นายประทับบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์นั้น จึงถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๘๓๕/๒๕๐๗ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๓๓๖/๒๕๐๗ และตรงตามคำแถลงของจำเลยที่ให้ถือเอาข้อเท็จจริงในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นหลักในการวินิจฉัยประเด็นนี้ในคดีนี้ ทั้งชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ แล้ว
พิพากษายืน.