แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยลักจากสาคูรายพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของโจทก์ จำเลยฎีกาเถียงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินที่ปลูกต้นจากสาคู จึงมิใช่เจ้าของจากสาคู ดังนี้ เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
คดีนี้  โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินสวนจาก  โดยซื้อจากนางแป้นมารดาจำเลย  จำเลยบังอาจลักยอดจากและตัดต้นจากคิดเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาทไปโดยทุจริต   ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า  นางแป้นมารดาจำเลยรับมรดกนายแสงบิดาจำเลยทำสัญญาโอนขายที่พิพาทให้โจทก์  โจทก์ย่อมได้สิทธิในที่ดินพร้อมทั้งผลอาสินบนที่ดินนั้น  การที่จำเลยเข้าไปตัดฟันต้นสาคู (จาก)  ใบสาคูในที่ดิน  มิใช่เพราะความเข้าใจผิดหรือไม่ทราบว่าที่ดินบริเวณปลูกต้นสาคูเป็นของโจทก์  จำเลยเจตนาลักทรัพย์  จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา ๓๓๔  ให้จำคุกจำเลย ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาคัดค้านว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินปลูกต้นจากสาคู
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินที่ปลูกต้นจากสาคูรายพิพาท  จึงไม่ใช่เจ้าของจากสาคูที่ฟ้องนั้น  เป็นการเถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างรับฟังมาแล้วว่าจากสาคูรายพิพาทอยู่ในที่ดินของโจทก์  เพราะนางแป้นผู้รับมรดกนายแสงบิดาจำเลยขายให้โจทก์  คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยเพียง ๓ เดือน  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา ๒๑๘  ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
พิพากษายืน

