คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1119/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2497 มาตรา 11(3) ผู้เช่าที่ดิน โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ต้องเวนคืน จะถึงได้รับเงินค่าทดแทนเฉพาะที่ผู้เช่าได้เสียหายจริง โดยเหตุที่ต้องออกจากที่ดินโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างก่อนสัญญาเช่าระงับ
เมื่อระหว่างคดีที่โจทก์ฟ้องเจ้าหน้าที่เวนคืนเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนในการที่โจทก์จะต้องออกจากตึกที่เช่า โจทก์ได้อยู่ในตึกที่โจทก์เช่าตลอดมาจนเกินกำหนดระยะเวลาที่เช่าตามสัญญาเช่าซึ่งโจทก์อ้างว่ามีผลใช้บังคับได้แล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทน เพราะการเช่าได้ระงับไปเสียแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าตึกแถวจากนางสาวบุตรี ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดิน จำเลยได้ประกาศให้รื้อถอนอาคารในที่เวนคืน เนื่องจากสัญญาเช่าของโจทก์ยังไม่ครบกำหนด โจทก์จึงมีสิทธิได้รับค่าทดแทน ซึ่งโจทก์ขอคิดเพียง ๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนไม่ยอมจ่าย กลับมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากตึกแถว โดยจำเลยจะเข้าครอบครองแทน ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิขอให้พิพากษาว่า คำสั่งของจำเลยไม่มีผลบังคับโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าทดแทน ๒๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทน
วันชี้สองสถาน คู่ความแถลงรับข้อเท็จจริงกันบางข้อ เฉพาะเรื่องเงินค่าทดแทนที่โจทก์ฟ้องเรียกมานั้นคู่ความตกลงกันว่าหากผลคำพิพากษาเป็นผลแก่โจทก์ โจทก์จะได้ยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการเวนคืน ฯ พิจารณาจำนวนเงินค่าทดแทนให้ ในชั้นนี้โจทก์สละสิทธิไม่ติดใจเรียกร้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าที่โจทก์อ้างระงับแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ตั้งประเด็นฟ้องจำเลยโดยกล่าวหาว่า โจทก์ในฐานะผู้เช่ามีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนจากจำเลยในกรณีที่ตึกแถวพิพาทที่จำเลยเช่าอยู่ถูกเวนคืน จำเลยปฏิเสธสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับค่าทดแทนนี้ แล้วมีคำสั่งบังคับให้โจทก์ออกจากตึกแถวพิพาท มิฉะนั้นจะเป็นความผิด โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า จำเลยไม่มีสิทธิจะเข้าครอบครองตึกแถวพิพาทที่โจทก์เช่าอยู่นั้น พร้อมกับขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าทดแทน
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๑ บัญญัติว่า เงินค่าทดแทนนั้นได้กำหนดให้แก่
(๓)ผู้เช่าที่ดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างในที่ดินที่ต้องเวนคืน แต่การเช่านั้นต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และหลักฐานนั้นได้ทำไว้ก่อนวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกาตามความในมาตรา ๖ หรือได้ทำขึ้นภายหลังวันนั้น โดยได้รับความอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ และการเช่านั้นยังไม่ระงับไปในวันที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าครอบครอบที่ดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างนั้น แต่เงินค่าทดแทนในการเช่านี้พึงกำหนดให้เฉพาะที่ผู้เช่าได้เสียหายจริง โดยเหตุที่ต้องออกจากที่ดิน โรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างก่อนสัญญาเช่าระงับ
เรื่องเงินค่าทดแทนที่เจ้าหน้าที่เวนคืนจ่ายให้แก่ผู้เช่าตามพะราชบัญญัติดังกล่าว ก็คือค่าเสียหายในการที่ผู้เช่าจำต้องออกไปจากทรัพย์สินที่เช่าก่อนครบกำหนดระยะเวลาเช่านั้นเอง
คดีนี้คู่ความรับข้อเท็จจริงกันว่า โจทก์ทำหนังสือสัญญาเช่ากับนางสาวบุตรี ๒ ฉบับ พร้อมกันในวันเดียวกัน ฉบับแรกลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ เริ่มระยะเวลาเช่าตั้งวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๐๕ เป็นต้นไป ฉบับที่สอง ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๐๘ เริ่มระยะเวลาเช่าแต่วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๐๘ เป็นต้นไป แต่ไม่ได้นำสัญญาเช่าไปจดทะเบียน โจทก์ยื่นคำร้องขอค่าทดแทน เมื่อสัญญาเช่าฉบับแรกสิ้นอายุลง คณะกรรมการเวนคืนฯ ได้ประชุมลงมติให้เจ้าหน้าที่เวนคืนแจ้งการเข้าครอบครองตึกแถวพิพาท เพื่อรื้อถอนและเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๐๙ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่รับกันนี้ ไม่ปรากฏว่า โจทก์ยอมออกไปจากตึกแถวที่เช่าเมื่อใด พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๑(๓) ได้บัญญัติได้ชัดว่า เงินค่าทดแทนจะพึงกำหนดให้เฉพาะที่ผู้เช่าได้เสียหายโดยเหตุที่ต้องออกจากทรัพย์สินที่เช่า เมื่อคดีนี้มิได้มีการกำหนดวันที่ให้โจทก์จะออกไปจากตึกแถวที่เช่า โจทก์จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับค่าตอบแทน ปัญหาที่ศาลล่างตั้งประเด็นวินิจฉัยว่าโจทก์จะมีสิทธิได้รบเงินค่าทดแทนจากเจ้าหน้าที่เวนคืนหรือไม่ ย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น ข้อที่รับกันพอจะวินิจฉัยได้เพียงปัญหาข้อกฎหมายว่า สัญญาเช่าของโจทก์ระงับไปเมือใดเท่านั้น ซึ่งแม้ศาลจะวินิจฉัยไปก็ไม่ทำให้โจทก์เกิดสิทธิเรียกเงินค่าทดแทนจากจำเลย หากโจทก์ไม่ยอมออกไปจากตึกแถวที่เช่าในระหว่างที่การเช่ายังไม่ระงับ
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์ได้ครอบครองตึกแถวพิพาทตลอดเรื่อยมาจนเกินกำหนดระยะเวลาเช่า ๕ ปี ตามสัญญาเช่าทั้ง ๒ ฉบับแล้ว แม้ข้อกฎหมายจะเป็นดังโจทก์อ้างว่า สัญญาเช่าทั้ง ๒ ฉบับใช้บังคับได้ โจทก์ก็หมดสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนตามพะราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๑(๓) จากจำเลย เพราะการเช่าได้ระงับไปเสียแล้ว
พิพากษายืนในผล

Share