คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1026/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 187/2507 ของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีถึงที่สุด แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่พิพาท และได้พิพากษาในคดีก่อนให้ยกฟ้องเสีย โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์มาฟ้องใหม่ ส่วนประเด็นแห่งคดีก็เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืน ซึ่งการครอบครอง ในคดีแรกยังอยู่ภายในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 และมาฟ้องคดีหลังก็เนื่องจากศาลอนุญาตให้มาฟ้องใหม่ ก็ต้องถือว่าโจทก์ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยถูกต้องมาแล้ว มาฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นการฟ้องต่อเนื่องกัน หลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 174 เอามาใช้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่อายุความ
โจทก์ถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่พฤษภาคม 2507 และโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนเมื่อ 7 สิงหาคม 2507 คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อนเมื่อ 5 ตุลาคม 2508 ให้ยกฟ้องโจทก์ โดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2508 ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องได้
(โดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2512)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีดำที่ ๑๖๕/๒๕๐๗ แดงที่ ๑๘๗/๒๕๐๗ ของศาลชั้นต้น ในข้อหาว่าจำเลยบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าศาลชั้นต้นพิพากษานอกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์มาฟ้องใหม่ โจทก์จึงฟ้องใหม่ว่าจำเลยบุกรุกที่ดินโจทก์ ทำลายคันนา ฯลฯ ขอให้พิพากษาว่า ที่พิพาทที่จำเลยบุกรุกเป็นที่โจทก์ ให้ใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นสิทธิของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ถึงแม้ว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๘๗/๒๕๐๗ ของศาลชั้นต้นนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นที่พิพาท และได้พิพากษาในคดีก่อนให้ยกคำฟ้องเสียโดยไม่ตัดสิทธิของโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘) ประเด็นแห่งคดีนี้เป็นการฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครอง ในคดีแรกยังอยู่ภายในระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ และมาฟ้องคดีหลังก็เนื่องจากศาลอนุญาตให้มาฟ้องใหม่ ก็ต้องถือว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องโดยถูกต้องมาแล้ว มาฟ้องคดีนี้ก็เป็นการต่อเนื่องกัน หลักเกณฑ์ตามมาตรา ๑๗๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เอามาใช้ไม่ได้เพราะไม่ใช่อายุความ
โจทก์ถูกแย่งการครอบครองตั้งแต่พฤษภาคม ๒๕๐๗ และโจทก์ฟ้องคดีเรื่องก่อนเมื่อ ๗ สิงหาคม ๒๕๐๗ คดีถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีเรื่องก่อนเมื่อ ๔ ตุลาคม ๒๕๐๘ ให้ยกฟ้องโจทก์ โดยไม่ตัดสิทธิขอบโจทก์ที่จะนำมาคำฟ้องมายื่นใหม่ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๘ ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องได้
พิพากษายืน

Share