คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 560/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายกันต่อโดยระบุว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมขายแทน ส.ผู้เยาว์ ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ขายจะดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขาย ความหมายของสัญญาจะขายที่ดินรายนี้ของเด็กก็ต่อเมื่อศาลอนุญาตให้ขาย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอขายที่ดินของเด็กแล้ว ศาลสั่งไม่อนุญาต ก็ย่อมเป็นอันไม่ซื้อขายกันตามข้อสัญญา การที่ศาลไม่อนุญาตให้ขาย มิใช่เป็นการที่จำเลยขัดขวางมิให้เงื่อนไขสำเร็จแต่อย่างไร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกนางเอี้ยง แสงสงวน ตามคำสั่งศาลแพ่ง ได้ตกลงขายที่ดินโฉนดที่ ๑๕๐๓ เนื้อที่ ๔๐ ตารางวา กับสิ่งปลูกสร้างในที่ดินซึ่งโจทก์ได้เช่าอยู่ก่อนให้โจทก์ในราคารวมทั้งค่าเช่าที่ค้างชำระเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๘,๐๐๐ บาท โดยมีข้อตกลงกันว่า เนื่องจากที่ดินแปลงนี้จะต้องตกได้แก่นายสงวนผู้เยาว์บุตรชายจำเลย จำเลยจะได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่ออนุญาตขายต่อไป โจทก์ได้วางมัดจำไว้แล้วเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ได้รับหนังสือของนายวัชรินทร์ทนายความอ้างว่าจำเลยขอเลิกสัญญาซื้อขายดังกล่าว เพราะไม่สามารถขายได้เนื่องจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอขยายทรัพย์ จำเลยดำเนินคดีขออนุญาตต่อศาลคดีเด็กฯ ด้วยอุบายเพื่อให้ศาลยกคำร้องเท่านั้น เป็นการขวนขวายป้องกันขัดขวางมิให้เงื่อนไขสำเร็จด้วยเจตนาทุจริต เงื่อนไขข้อนี้ตามสัญญาจึงเป็นอันไม่มีต่อไป ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยรับเงินค่าซื้อขายที่ดินจากโจทก์อีก ๘๘,๐๐๐ บาท และโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๑๕๐๓ ให้โจทก์ ฯลฯ
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของนายสงวนเท่านั้น และโดยมีเงื่อนไข คือ ขอให้ศาลสั่งอนุญาตให้ขายได้เสียก่อน จึงจะขายได้ เมื่อศาลสั่งยกคำร้อง จำเลยก็ไม่สามารถจะขายให้ได้ ทรัพย์ที่ขายไม่ใช่ของจำเลย ทั้งเจ้าทรัพย์ก็ไม่ยินยอมให้จำเลยขาย สัญญาซื้อขายจึงไม่ผูกพันกันต่อไป
ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้โจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายต่อกันโดยระบุว่าเป็นการขายแทนเด็กชายสงวน และได้กำหนดไว้ว่าผู้ขายจะได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขายที่ดินแปลงนี้ โจทก์เองก็ยอมรับว่าข้อนี้เป็นเงื่อนไขที่จะให้สัญญาสำเร็จลุล่วงไป ก็ต้องผูกพันต่อกันเท่าที่ทำสัญญากันไว้ ความหมายของสัญญาจะขายที่ดินรายนี้ของเด็กก็ต่อเมื่อศาลอนุญาตให้ขาย เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอขายที่ดินของเด็กแล้ว แต่ศาลสั่งไม่อนุญาตก็ย่อมเป็นอันไม่ซื้อไม่ขายกันตามข้อสัญญา โจทก์จะกลับเบี่ยงบ่ายว่าที่ดินยังไม่เป็นของเด็ก ไม่ใช่ขายแทนเด็ก แต่เป็นการขายโดยอำนาจหน้าที่ผู้จัดการมรดก ผิดจากข้อตกลงที่สัญญากันไว้เป็นหนังสือ เงื่อนไขที่มีไว้กลับเถียงว่าเสมือนไม่มี จำเลยปฏิบัติตามข้อสัญญายื่นคำร้องขอขายต่อศาลตามที่โจทก์เองก็ตกลงด้วยเช่นนี้ ครั้งศาลไม่อนุญาต กลับว่าไม่ต้องขออนุญาตจะให้ขายที่ดินฝ่าฝืนคำสั่งศาล ทั้ง ๆ ที่โจทก์ตกลงให้ยื่นคำร้องขอขายแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าข้ออุทธรณ์เช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระ ศาลฎีกาเห็นพ้องว่าเป็นเช่นนั้น เพราะเป็นเรื่องเถียงฝืนสัญญา และเห็นว่าจำเลยมิได้ขัดขวางมิให้เงื่อนไขสำเร็จดังข้อฎีกาของโจทก์
พิพากษายืน.

Share