คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4519/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ การที่ศาลชั้นต้นยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 เฉพาะความผิดข้อหานี้ไม่มีผลทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ในข้อหาอื่น
ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังไปด้วย
จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำกรรมเดียวคือการขายตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 (เหตุเกิดวันที่ 11 สิงหาคม 2538)
โจทก์มีคำขอให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางกับผ้าห่มและถุงย่ามของกลางที่ใช้บรรจุและซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลาง แม้โจทก์จะอ้างบทมาตราตาม ป.อ. มาตรา 32 , 33 โดยมิได้อ้างมาตรา 116 แห่ง พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 แต่เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 89 จึงต้องริบเมทแอมเฟตามีนของกลางกับผ้าห่มและถุงย่ามของกลางที่ใช้บรรจุและซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลาง อันเป็นภาชนะหรือหีบห่อที่บรรจุเกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อทำลายหรือจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรตามมาตรา 116 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเพียงว่า ให้ริบเมทแอมเฟตามีน ผ้าห่ม และถุงย่ามของกลางเท่านั้น จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ มาตรา 32, 33, 80, 83, 91, 138, 289, 371 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ, 89 และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ป.อ. มาตรา 371, 83 เรียงกระทงลงโทษฐานร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 20 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน คำรับชั้นจับกุมของจำเลยทั้งสองในข้อหาขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษในข้อหานี้ให้หนึ่งในสี่ตาม ป.อ. มาตรา 78 จำคุกคนละ 15 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 3 เดือน รวมจำคุกคนละ 15 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน ผ้าห่มและถุงย่ามของกลาง ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง ร้อยตำรวจเอก ส. เจ้าพนักงานตำรวจตระเวนชายแดนกับพวก ร่วมกันจับกุมจำเลยทั้งสองจากบริเวณร้านอาหารซึ่งเป็นที่เกิดเหตุ และยึดได้เมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 49,967 เม็ด คำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์หนัก 1,043 กรัม เป็นของกลาง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองประการเดียวว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหรือไม่ พยานโจทก์ทั้งห้าปากนี้เบิกความเชื่อมโยงและสอดคล้องกันในข้อสาระสำคัญว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 11.10 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดต่อท้ายรถยนต์กระบะของสายลับ สักครู่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์กระบะตามเข้ามา แล้วจำเลยทั้งสองเข้าไปในห้องกระจกซึ่งสายลับนั่งรออยู่ นายดาบตำรวจ ว. ได้ยินเสียงจากเครื่องดักฟังว่า จำเลยที่ 1 กับสายลับตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีน 50,000 เม็ด และจะส่งมอบกันที่ร้านอาหารนั้น จำเลยที่ 1 ขอดูเงินก่อน สายลับกับจำเลยทั้งสองจึงเดินไปที่รถยนต์กระบะของสายลับ จำเลยที่ 1 กับสายลับเข้าไปดูเงินในรถแล้วจำเลยที่ 1 ลงจากรถไปพูดกับจำเลยที่ 2 ซึ่งยืนอยู่ท้ายรถ จากนั้นจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะออกไป เวลาประมาณ 11.45 นาฬิกา อ. ผู้ต้องหาที่ยังจับกุมไม่ได้ขับรถจักรยานยนต์มีผ้าห่มม้วนเป็นห่อวางอยู่ที่ช่องระหว่างเบาะกับบังโคลนหน้าเข้ามาจอดใกล้รถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 แล้วนำห่อผ้าห่มดังกล่าวไปวางที่กระบะรถของสายลับ โดยจำเลยที่ 2 ซึ่งขับรถยนต์กระบะตามมาและได้จอดรถอยู่ที่ริมถนนโชตนาตรงข้ามร้านอาหาร เมื่อสายลับนำห่อผ้าห่มไปแกะดูในรถยนต์กระบะของสายลับและส่งสัญญาณให้จับกุมด้วยการนับห่อเมทแอมเฟตามีน ส. กับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยทั้งสอง และยึดเมทแอมเฟตามีนซึ่งอยู่ในห่อผ้าห่มเป็นของกลาง เห็นว่า พยานโจทก์ทั้งห้าซึ่งกระจายกำลังซุ่มดูการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันโดยตลอด แม้การเบิกความบางตอนจะแตกต่างกันบ้างก็เป็นเพียงพลความ มิใช่สาระสำคัญที่จะทำให้คำพยานโจทก์เหล่านั้นมีน้ำหนักน้อยลงถึงกับรับฟังไม่ได้ โดยเฉพาะพยานโจทก์ทั้งห้าต่างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน จึงไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสองให้ต้องรับโทษตามคำพยานโจทก์ยืนยันว่า จำเลยทั้งสองเข้าไปหาสายลับในห้องกระจกด้วยกัน ขณะจำเลยที่ 1 ตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับสายลับจำเลยที่ 2 ก็นั่งอยู่ด้วย และขณะจำเลยที่ 1 เดินไปดูเงินในรถยนต์กระบะของสายลับจำเลยที่ 2 ก็เดินไปด้วย แม้ขณะ อ. นำเมทแอมเฟตามีนของกลางมาส่งที่ร้านอาหาร จำเลยที่ 2 จะมิได้ขับรถยนต์กระบะตามเข้ามาในร้านอาหารด้วย แต่จำเลยที่ 2 ก็ได้จอดรถรออยู่ที่ริมถนนตรงข้ามร้านอาหารนั้นเอง เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยทั้งสองร่วมรู้เห็นในการขายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่สายลับ ในชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองก็ให้การรับสารภาพในข้อหาร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ตามบันทึกการตรวจค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งเจ้าพนักงานบันทึกไว้ในระยะเวลาใกล้ชิดกับที่จำเลยทั้งสองถูกจับกุม คำรับของจำเลยทั้งสองจึงมีน้ำหนักในการรับฟังประกอบพยานหลักฐานของโจทก์ การที่ศาลชั้นต้นยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 เฉพาะความผิดข้อหาต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่ไม่มีผลทำให้คำเบิกความของพยานโจทก์ในข้อหาอื่นไม่มีน้ำหนักให้รับฟังไปด้วย น้ำหนักพยานหลักฐานของจำเลยทั้งสองไม่สามารถรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายและขายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำกรรมเดียวคือ การขายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง คดีนี้โจทก์มีคำขอให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางกับผ้าห่มและถุงย่ามของกลางที่ใช้บรรจุและซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลาง แม้โจทก์จะอ้างบทมาตราตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 โดยมิได้อ้าง มาตรา 116 แห่ง พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ด้วย แต่เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 89 จึงต้องริบเมทแอมเฟตามีนของกลางกับผ้าห่มและถุงย่ามของกลาง ที่ใช้บรรจุและซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนของกลาง อันเป็นภาชนะหรือหีบห่อที่บรรจุเกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำลายหรือจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่เห็นสมควรตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 116 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาเพียงว่า ให้ริบเมทแอมเฟตามีน ผ้าห่มและถุงย่ามของกลางเท่านั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรให้แก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเมทแอมเฟตามีน ผ้าห่มและถุงย่ามของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 116 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share