แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกา มีทางชนะคดีในชั้นที่สุด โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 500)
คดีทั้งสองสำนวน ศาลชั้นต้นสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกันโดยให้เรียกโจทก์ในสำนวนแรกว่า โจทก์ที่ 1 และเรียกโจทก์ในสำนวนหลังว่า โจทก์ที่ 2 ถึงโจทก์ที่ 5 ส่วนจำเลยทั้งสองสำนวนเป็นคู่ความรายเดียวกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์สำนวนแรก เป็นเงิน 152,300 บาท แก่โจทก์สำนวนหลังเป็นเงิน 159,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ สำหรับฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ยกเสีย
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ที่ 2 ถึงแก่กรรมนายสุชาติลอยวิรัช ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1และที่ 3 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์สำนวนแรก เป็นเงิน 152,300 บาทแก่โจทก์สำนวนหลังเป็นเงิน 167,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ487,486)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ 3 ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ แต่จำเลยที่ 3 ไม่นำหลักประกันมาวางภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยที่ 3 ไม่ติดใจขอทุเลาการบังคับ(อันดับ 384,395)
คำสั่ง
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ยื่นฎีการ่วมกัน จึงเห็นสมควรสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างฎีการ่วมกันด้วย โดยรวมสั่งไว้ในคำร้องที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขอทุเลาการบังคับแล้ว