แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยส่วนฟ้องแย้งนั้นศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยจะมายื่นในชั้นฎีกาไม่ได้จึงไม่รับฟ้องแย้ง
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฟ้องแย้งโจทก์มาตั้งแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้วหาได้เพิ่งฟ้องแย้งมาในชั้นฎีกานี้ไม่คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้งฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบโปรดมีคำสั่งให้รับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 145 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,759,855.71 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ17 ต่อปี ในต้นเงิน 1,907,169.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระแก่โจทก์ครบถ้วน
จำเลยยื่นคำให้การและฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 28,599.58 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับจากวันที่ 25 มิถุนายน 2523 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์โดยให้โจทก์ส่งมอบหุ้นบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด จำนวน400 หุ้น และหุ้นบริษัทรามาทาวเวอร์ จำกัด จำนวน 500 หุ้นให้แก่จำเลยคำขออื่นนอกจากนี้ตามฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน2,759,855.71 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดต่อปีในต้นเงิน1,907,169.95 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา แต่ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าว (อันดับ 135)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 141)
คำสั่ง
คำฟ้องแย้งจะต้องยื่นพร้อมคำให้การหรือรวมมาในคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3จำเลยจะฟ้องแย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าได้ฟ้องแย้งมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้วนั้น ฎีกาของจำเลยที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งมิใช่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาในส่วนฟ้องแย้งชอบแล้ว ยกคำร้อง