แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการรับฟังพยานเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ 2 เห็นว่าจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่านายสุบินชมภูภาฒ ถึงแก่ความตายเนื่องจากโรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องจากการทำงานหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 72)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมแรงงานที่ 8/2530 เรื่อง อุทธรณ์คำสั่งพนักงานเงินทดแทน ลงวันที่24 มีนาคม 2530 แล้วให้จำเลยที่ 2 จ่ายค่าทดแทนแก่โจทก์และผู้มีสิทธิเป็นรายเดือนเดือนละ 3,834 บาท มีกำหนดห้าปีนับแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2529 เป็นต้นไป
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว (อันดับ 64,63)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)
คำสั่ง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายหัวใจโตกว่าปกติเล็กน้อยและช่องเดินโลหิตของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจแคบกว่าปกติเล็กน้อย แต่ถ้าผู้ตายอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกกำลังกายจะไม่ถึงแก่ความตาย การที่ผู้ตายทำงานให้จำเลยที่ 2 ดังกล่าวมาแล้ว แล้วมีอาการเสียดหน้าอกและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาจึงเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้าง ดังนั้น ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่างานที่ผู้ตายทำไม่ใช่งานที่ต้องใช้กำลังแรง ไม่ทำให้เกิดโรคหรือเจ็บป่วยถึงตายได้ ปกติการทำงานของผู้ตายเป็นการช่วยกันทำ หากจะมีการใช้กำลังบ้างก็เป็นเพียงเล็กน้อย การตรวจพิสูจน์ของแพทย์พบว่าสาเหตุของการตายเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตายโดยเฉียบพลันเป็นการตายโดยธรรมชาติ หัวใจของผู้ตายโตกว่าปกติเล็กน้อยช่องเดินโลหิตของหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจแคบกว่าปกติเล็กน้อยเลือดเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ โอกาสที่จะประสบอันตรายเพราะกล้ามเนื้อหัวใจตายโดยเฉียบพลันจะมีขึ้นเมื่อใดก็ได้ การตายของผู้ตายจึงถือไม่ได้ว่าถึงแก่ความตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการอุทธรณ์โต้เถียงข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะเหตุใด เพื่อจะนำไปสู่ข้อกฎหมายที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้าง ถือว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง