แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฯลฯ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาข้อกฎหมายว่า โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดหรือไม่โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยวิธีปิดหมาย(อันดับ 83 แผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 80)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 82)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เรียกดอกเบี้ยจากเงินที่ให้จำเลยยืมไปเกินกว่าอัตราที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย และจำเลยได้ออกเช็คพิพาททั้งสองฉบับเพื่อชำระเงินดอกเบี้ยดังกล่าวจึงเป็นมูลหนี้ที่มิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับให้ใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับนั้นได้ดังนั้น การที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มิได้เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ อันเป็นมูลหนี้ที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับได้ นั้น เห็นว่า ฎีกาโจทก์ดังกล่าวเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยจากจำเลยเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง