แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ตรีจึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ทราบว่าเอกสารหมาย จ.1เป็นเอกสารปลอมนั้นเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวน เพราะในสำนวนคดีนี้ไม่ปรากฏว่ามีพยานหลักฐานใดที่จะให้รับฟังว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมเมื่อไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะให้รับฟังว่าเป็นเอกสารปลอมแล้ว จะฟังว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและฉ้อโกงหาได้ไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์แล้วโดยวิธีปิดหมาย(อันดับ 84)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,268,341,83,90,91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 ประกอบด้วย 268,341 การกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 264 ประกอบด้วยมาตรา 268ซึ่งมีอัตราโทษเท่ากันทั้งสองบท จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 เดือนสำหรับจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษกักขังจำเลยที่ 1มีกำหนด 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 80)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 82)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้โจทก์มีทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารนำสืบแสดงว่า จำเลยที่ 1 ทราบดีว่าเอกสารหมาย จ.1เป็นเอกสารปลอมดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1ทราบว่าเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมนั้น จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของโจทก์ มิใช่รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือจากพยานหลักฐานในสำนวนดังที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างในคำร้อง ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1