แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ และโจทก์ฎีกาเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฯลฯจึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานมา เป็นปัญหาข้อกฎหมายและนอกจากนี้โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งเรียกพยานสำคัญในคดีมาสืบ ซึ่งโจทก์ได้อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้สืบพยานดังกล่าวแล้ว โปรดมีคำสั่งรับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 และที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 101,103)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,364,365,84,83,358,90
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาในมาตรา 365 ประกอบมาตรา 364 ต่อไป
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 98)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 99)
คำสั่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก โดยรบกวนการครอบครองตึกแถวที่โจทก์เช่าอยู่ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ครอบครองตึกแถวพิพาทแล้ว โจทก์ฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนโดยโจทก์ยังเป็นผู้ครอบครองอยู่ เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้องของโจทก์เสีย