แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย 2,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำคุกจำเลย 6 เดือน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาข้อ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ฎีกาข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการบรรยายฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมิได้บรรยายลักษณะการเข้าร่วมกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เพียงพอให้จำเลยต่อสู้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยแม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตามและการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก เป็นการพิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มโทษจำเลยแม้เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขใหม่โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295,83 ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนจำเลยมีอายุไม่มากนักและยังเป็นนักศึกษา เห็นควรลงโทษจำเลยในสถานเบาลงโทษปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปีแต่ไม่ลงโทษปรับ จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 28)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 30)
คำสั่ง
ตามฎีกาข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาในข้อนี้ชอบแล้ว ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมากและเพิ่มเติมโทษจำเลย ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ที่แก้ไขแล้วจึงให้รับฎีกาข้อ 3 ของจำเลยไว้พิจารณาให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์แก้ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาฎีกา