แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 เดือน และสั่งไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ถือว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษาตรงข้ามกัน อันเป็นการพิพากษากลับ คดีจึงหาต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่ อย่างไรก็ตามหากศาลจะฟังว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ การแก้ไขจากไม่ริบของกลางเป็นริบของกลางก็เป็นการแก้ไขมาก หาใช่เป็นการแก้ไขเล็กน้อยดังที่ศาลชั้นต้นสั่งไว้ไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ข้อ 56,83 ประกาศผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน เรื่อง ห้ามใช้ยานพาหนะโดยที่ยานพาหนะนั้นมีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่ได้กำหนดเดินบนทางหลวงแผ่นดินลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 4 ให้จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือนของกลางยังไม่สมควรริบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 19)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 20)
คำสั่ง
ฎีกาของจำเลยที่ขอไม่ให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนั้นเป็นการโต้เถียงดุลยพินิจของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน ไม่ริบรถยนต์บรรทุกของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบรถยนต์บรรทุกของกลางนั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อยมิใช่เป็นการพิพากษากลับดังคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง