แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งนี้จึงเป็นที่สุดแล้ว ไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์มิได้ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของโจทก์แต่เป็นเรื่องที่โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208,225 อีกทั้งฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโจทก์จึงชอบที่จะฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 62,63)
กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,84,86,91,326,328,332 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 55)โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เป็นกรณีศาลอุทธรณ์สั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคสามโจทก์ฎีกาไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง