แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218,219 จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า พนักงานสอบสวนได้ทำแผนที่สังเขปแสดงที่เกิดเหตุขึ้นตามที่พวกผู้เสียหายชี้บอกและสันนิษฐานเอาเองเท่านั้น การที่ศาลรับฟังการสันนิษฐานดังกล่าวมาเป็นโทษแก่จำเลยจึงไม่ชอบด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน นอกจากนี้ตามเอกสารหมาย จ.2 ยังฟังได้ชัดแจ้งว่า เส้นแบ่งกึ่งกลางถนนมิได้อยู่กึ่งกลางถนนอย่างแท้จริง พยานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยขับรถล้ำกึ่งกลางถนนไปชนผู้เสียหาย กรณีจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 138) ส่วนโจทก์ร่วมทั้งสองไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ระหว่างพิจารณา นายพัลลพแก้วจันทร์ฯและนายคมเตือนใจจุมปูหรือชัยชมพู ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำคุก 2 ปี และมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 78,160 วรรคสอง จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานนี้ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน รวมโทษสองกระทงแล้ว คงจำคุก 2 ปี 1 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 135)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 138)
คำสั่ง
ที่จำเลยฎีกาว่า จุดชนตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุและเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในแผนที่ดังกล่าวไม่ถูกต้อง พยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยขับรถล้ำกึ่งกลางถนนเข้าไปชนผู้เสียหายนั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง