คำสั่งคำร้องที่ 1777/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามเป็นปัญหาข้อกฎหมายซึ่งนำข้อเท็จจริงมาประกอบ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ชำระค่าขึ้นศาลมา 200 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันแทนกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 29,416 บาทแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน23,416 บาทให้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 89)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีส่วนทำละเมิดด้วยนั้นเห็นว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่มีส่วนในการกระทำความผิดด้วยฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ของจำเลยชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไปก่อเหตุที่จังหวัดนครราชสีมา จะว่าจำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งเป็นบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ และมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดบุรีรัมย์ ไม่ใช้ความระมัดระวังจำเลยที่ 1ตามสมควรหาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยในข้อนี้ไว้ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป คืนค่าขึ้นศาลโดยหักเป็นค่าคำร้องไว้ 40 บาท

Share