คำสั่งคำร้องที่ 1605/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532ว่ารับฎีกาเฉพาะข้อ 2 ข. ส่วนฎีกาข้อ 2 ก. เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับต่อมาศาลชั้นต้นสั่งใหม่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2532 ว่า ตามคำสั่งของศาลลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 คลาดเคลื่อนไปอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้เพิกถอนคำสั่งเดิมและสั่งใหม่ว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก3 ปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า คำสั่งวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ของศาลชั้นต้นที่ให้รับฎีกาของจำเลยเพียงบางข้อนั้นยังคลาดเคลื่อนอยู่ ศาลชั้นต้นน่าจะรับฎีกาของจำเลยทั้งฉบับ และคำสั่งศาลชั้นต้นส่วนที่ให้รับฎีกาของจำเลยนั้นถูกต้องตามระเบียบกระบวนพิจารณาแล้ว ทั้งการที่จะถือว่ากรณีใดเป็นการแก้ไขน้อยหรือแก้ไขมากนั้นจะต้องถือตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นหลัก ดังนั้นที่จำเลยฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจึงควรได้รับการพิจารณาจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาทั้งฉบับของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 64)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 จำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 4 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยมีกำหนด 6 ปีจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุก 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 57)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)

คำสั่ง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้รับฎีกาของจำเลยบางข้อลงวันที่11 กรกฎาคม 2532 ถูกเพิกถอนโดยคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2532โดยศาลเดียวกันแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวส่วนคำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2532 ที่ให้เพิกถอนคำสั่งลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ก็เป็นอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้ว
ฎีกาของจำเลยข้อ 2 ก. เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและฎีกาข้อ 2 ข. เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัย ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2532ไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งฉบับเพราะต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงชอบแล้ว ยกคำร้องของจำเลย

Share