แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยมีผลจำคุกจำเลย 6 เดือน ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 44)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349 จำคุก 6 เดือน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 40)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้จำนำรถจักรยานยนต์ไว้กับผู้เสียหาย วันรุ่งขึ้นจำเลยมาเอารถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปโดยไม่ไถ่คืนและในขณะที่ผู้เสียหายไม่อยู่บ้าน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 349ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้จำนำรถจักรยานยนต์ไว้กับผู้เสียหาย หากแต่ผู้เสียหายยึดรถดังกล่าวไว้เนื่องจากจำเลยเป็นหนี้การพนันไฮโลแก่ผู้เสียหาย จึงเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทกฎหมายข้างต้น ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยอ้างว่าต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ให้ยกคำร้อง