แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 380)กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1และที่ 2 ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน45,000 บาท และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ในอัตราวันละ 100 บาท นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2522เป็นต้นไปจนกว่ารถยนต์ของโจทก์จะซ่อมเสร็จ ถ้ายังซ่อมไม่เสร็จก็ให้ชำระต่อไปอีก 30 วัน นับจากวันอ่านคำพิพากษาเป็นต้นไปโดยให้จำเลยร่วม ร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวเมื่อรวมค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้นแล้วภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อมาจำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลออกคำบังคับให้จำเลยที่ 2 ปฏิบัติภายใน 30 วัน ตามคำแถลงของโจทก์วันที่ 2 พฤษภาคม 2529 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกตัวโจทก์และจำเลยร่วมมาพร้อมกัน อ้างเหตุว่าได้ซ่อมรถยนต์ของโจทก์เสร็จแล้วจึงต้องการตกลงเกี่ยวกับการชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ให้ถูกต้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งนัดพร้อมวันที่ 4 มิถุนายน 2529 โจทก์ยื่นคำแถลงพร้อมบันทึกท้ายคำแถลงว่า จำเลยทั้งสามไม่ซ่อมรถยนต์ให้ โจทก์จึงนำมาซ่อมเองตามบันทึกท้ายคำแถลงศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า น่าเชื่อว่ารถโจทก์ยังซ่อมไม่เสร็จและโจทก์รับรถไปซ่อมเอง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2528 ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา และยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 369,374)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 2 หาประกันสำหรับหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกามาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกาคำสั่งมิฉะนั้นให้ยกคำร้อง