แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่าอุทธรณ์ข้อ 1เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงอุทธรณ์ข้อ 2 เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจของศาลถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกันจึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยเฉพาะอุทธรณ์ในข้อแรก มีปัญหาข้อกฎหมายอย่างชัดแจ้งตามกฎหมายทุกประการโปรดมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลชั้นต้นด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 23)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างที่ 473/2531 ของจำเลย ขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามเดิมกับชำระค่าจ้างระหว่างเลิกจ้างถึงวันรับกลับเข้าทำงาน เดือนละ2,828 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 16)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 17)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางสั่งให้งดสืบพยาน ไม่เปิดโอกาสให้โจทก์ได้นำพยานเข้าสืบ การที่ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงอาจคลาดเคลื่อน ขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงใหม่นั้น เห็นว่า การที่ศาลแรงงานกลางสั่งให้งดสืบพยาน เนื่องจากเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การและที่โจทก์จำเลยแถลงรับกันนั้น คดีพอวินิจฉัยได้แล้วนั้น เป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลางอันเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อนี้ชอบแล้ว แต่ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์ลาป่วยเกินสิทธิในปีงบประมาณ 2530 ถ้าจำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ฐานหย่อนสมรรถภาพก็ต้องเลิกจ้างภายในปีงบประมาณ 2530 การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ในระยะระหว่างปีงบประมาณ 2531 ซึ่งโจทก์มิได้ลาป่วยเกินสิทธิตามข้อบังคับของจำเลยเป็นการมิชอบด้วยข้อบังคับของจำเลย เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ อันเป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ไว้ ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการต่อไปและรีบส่งสำนวนคืนศาลฎีกา