แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า
คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 เห็นว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีโดยมิได้รับฟังจากพยานหลักฐานในถ้อยคำสำนวน เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งโปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 60)
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 56)
โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกที่ว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคดีโดยอาศัยความเห็นซึ่งศาลชั้นต้นเชื่อว่าโจทก์ทั้งหกลาออกโดยสมัครใจ เป็นดุลพินิจในการตัดสินคดีซึ่งขัดต่อกฎหมายไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการรับฟังพยานข้อวินิจฉัยดังกล่าวมิได้เกิดจากการรับฟังพยานหลักฐานในสำนวนความ หากเกิดจากความคิดเห็นของศาลชั้นต้น และไม่ควรรับฟังนายกิติปิลันธนดิลก พยานจำเลย ซึ่งพยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่า ทั้งนายพิพัฒน์พงษ์เข็มพิลา พยานจำเลย ก็เป็นแต่พยานที่นำสืบประกอบเอกสารจะฟังพยานปากนี้ในส่วนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรับรองเอกสารไม่ได้นั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่จะเชื่อพยานหลักฐานของฝ่ายใดเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกนั้น ชอบแล้วให้ยกคำร้อง
