แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีขัดต่อข้อเท็จจริงที่พยานโจทก์ได้ให้ถ้อยคำไว้ต่อพนักงานสืบเสาะ จึงน่าจะเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 52) ส่วนโจทก์ร่วมไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ระหว่างพิจารณา นายสมนึก เมฆฉาย บิดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาตศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157กรรมเดียวผิดหลายบท ลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงลงโทษจำคุก 9 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 48)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 49)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าเหตุที่เกิดขึ้นมิใช่ความผิดของจำเลยหากแต่เป็นเหตุสุดวิสัยและความประมาทของผู้เสียหาย กับขอให้รอการลงโทษแก่จำเลย ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง