แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง คดีของโจทก์จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จึงสั่งไม่รับฎีกาโจทก์เห็นว่า การที่จำเลยประกอบธุรกิจ ขาย ให้เช่า เสนอขายและให้เช่าภาพยนตร์วีดีโอเทป พฤติการณ์ของจำเลยแสดงว่ารู้อยู่แล้วว่าภาพยนตร์วีดีโอเทปของกลางเป็นของโจทก์ ดังนั้นการที่จำเลยมีไว้ในครอบครองจึงเป็นเรื่องที่น่าเชื่อได้ว่ามีไว้เพื่อการค้าและการที่จำเลยมีไว้เพื่อให้เช่าจึงเป็นความผิด และปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์นั้นจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ ปัญหาข้อกฎหมายในคดีนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญ สมควรที่ศาลฎีกาจะได้รับไว้พิจารณาวางบรรทัดฐานไว้เพื่อความกระจ่างแจ้งของหลักกฎหมายต่อไป โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 13,24,25,26,27,42,43,44,47,49 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ยื่นฎีกาในคดีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง