แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1ยกอุทธรณ์โจทก์เพราะคดีโจทก์ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องของโจทก์ควรรับไว้พิจารณาหรือไม่ เพราะจากการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องแล้วที่จะรับฟังได้ว่าคดีของโจทก์มีมูลที่ศาลจะประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปเพราะการพิจารณาชั้นไต่สวนมูลฟ้องเป็นกระบวนการไต่สวนเพียงเพื่อแสดงว่าคดีของโจทก์มีมูลหรือไม่เท่านั้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 29)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 28)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 29)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาว่าอุทธรณ์ของโจทก์มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นนี้ฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายแต่ประการใด ชอบที่จะรับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณาในปัญหาที่ว่าอุทธรณ์ของโจทก์ต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ จึงให้รับฎีกาโจทก์ไว้พิจารณา