แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา คดีมีเหตุที่ศาลฎีกาจะพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาใหม่ และ หากอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างนี้ ก็ไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 100)
กรณีสืบเนื่องจาก โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ชำระเงิน 24,329,091.57 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยหากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแก่โจทก์จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ต่างยื่นคำให้การ ส่วนจำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วทนายจำเลยขอเลื่อนคดีต่อศาลหลายครั้งเพื่อทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ หรือสืบพยานจำเลยที่ 3 เพียงปากเดียว ครั้งสุดท้ายนายประดิษฐ์ ศรีเจริญ ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วย โจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นวินิจฉัยพฤติการณ์ทั้งหมดแล้วเห็นว่าทนายจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ขอเลื่อนคดีหลายครั้งแล้วเป็นการประวิงคดีให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบจึงให้งดสืบพยานจำเลยคดีเป็นอันเสร็จการพิจารณา ให้นัดฟังคำพิพากษา (อันดับ 62,64) ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยานจำเลยเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 24,329,091.57 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 18,245,301.55 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2530) จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันในวงเงิน 11,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราข้างต้น หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแก่โจทก์ในวงเงินที่จำนองพร้อมดอกเบี้ย ถ้าไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 97,96)
คำสั่ง
เมื่อพิจารณาหลักทรัพย์จำนองประกอบแล้ว ถ้าจำเลยที่ 1 หรือที่ 2 คนหนึ่งคนใดหรือร่วมกันหาหลักประกันมาเพิ่มให้เพียงพอกับจำนวนหนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์นับถึงวันทราบคำสั่งนี้และต่อไปอีก 2 ปี มาวางให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างฎีกา สำหรับจำเลยที่ 3 ถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่หาหลักประกันมาวาง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักทรัพย์ที่จำนอง ถ้าเห็นว่าเป็นหลักประกันเพียงพอกับจำนวนหนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 3จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นับถึงวันทราบคำสั่งนี้ และต่อไปอีก 2 ปีก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา หากเห็นว่าไม่เพียงพอก็ให้หาหลักประกันมาเพิ่มให้เพียงพอภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด ถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ไม่ดำเนินการดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด ให้ยกคำร้อง