แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 3 ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ออกจากสถานที่เช่าและส่งมอบตึกอาคารโรงงานแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเครื่องต้มน้ำแก่โจทก์ในสภาพเดิม ให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 490,560 บาท และให้จำเลยที่ 2ใช้ค่าเสียหายจำนวน 56,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายเดือนละ 30,660 บาทและให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของเงินแต่ละจำนวนนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกจากสถานที่เช่า แต่ทั้งนี้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องใช้ค่าเสียหายนับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2524 เป็นต้นไปแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา (อันดับ 214,218)
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 220) ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องในวันถัดไปว่า รับเป็นคำร้องขอทุเลาของจำเลยที่ 3สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน ต่อมามีรายงานเจ้าหน้าที่ว่าจำเลยที่ 3 ไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายภายในกำหนดศาลชั้นต้นจึงสั่งให้รวมสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป(อันดับ 229)
คำสั่ง
คดีนี้จำเลยที่ 3 ยื่นฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 3 นำส่งสำเนาฎีกา และสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับให้โจทก์ภายใน 15 วันและ 7 วัน ตามลำดับแต่เป็นการส่งในวันอื่นภายหลังวันนัดฟังและวันยื่นและศาลชั้นต้นยังไม่ได้จัดการให้จำเลยที่ 3 ทราบคำสั่ง การที่จำเลยที่ 3ยังไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่งสำเนาคำร้อง จึงยังไม่มีเหตุที่จะให้ศาลฎีกาสั่งคำร้องนี้ ฉะนั้นให้ศาลชั้นต้นจัดการให้จำเลยที่ 3 ทราบคำสั่งเสียก่อน หลังจากนั้นหากจำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งภายในเวลาที่กำหนด จึงให้ส่งสำนวนพร้อมกับคำร้องไปศาลฎีกา