แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องยื่นฎีกา มีทางที่ศาลฎีกาจะกลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โปรดคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โดยห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาททั้งสามแปลงด้วย
หมายเหตุ โจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 82 แผ่นที่ 10, อันดับ 97แผ่นที่ 6, อันดับ 85 แผ่นที่ 3, อันดับ 86 แผ่นที่ 3, อันดับ 82 แผ่นที่ 2) ส่วนผู้ซื้อทรัพย์แถลงคัดค้าน (อันดับ 86)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 2,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบแปดครึ่งต่อปี หากไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ ถ้าไม่พอ ให้ยึดทรัพย์อื่นชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน แต่จำเลย ทั้งสองไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน ของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำนองโจทก์ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ คดีมาสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเฉพาะการ ขายทอดตลาดที่ดิน โฉนดเลขที่ 146210,146211 และ 146213 โดยนางสาวพรเพ็ญ เทียนสุวรรณ เป็นผู้ซื้อได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องรวมสามฉบับมีใจความว่า ผู้ร้องเป็นผู้สู้ราคา ในการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสามแปลง แต่เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ดำเนินการขายทอดตลาดโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ยกเลิกยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง (อันดับ 35)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 78,77)
ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ (อันดับ 65)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้คุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาให้ยกคำร้อง
